การฝึกอบรมข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมฝ่ายพลเรือน : ศึกษาจากทัศนะของผู้รับผิดชอบโดยตรงในการบริหารงานฝึกอบรม
Publisher
Issued Date
1968
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
205 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ประสิทธิ์ ดำรงชัย (1968). การฝึกอบรมข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมฝ่ายพลเรือน : ศึกษาจากทัศนะของผู้รับผิดชอบโดยตรงในการบริหารงานฝึกอบรม. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1065.
Title
การฝึกอบรมข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมฝ่ายพลเรือน : ศึกษาจากทัศนะของผู้รับผิดชอบโดยตรงในการบริหารงานฝึกอบรม
Alternative Title(s)
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์นี้มุ่งศึกษาให้ทราบลักษณะปัญหาต่าง ๆ ในการฝึกอบรมข้าราชการพลเรือนของไทยในส่วนรวม ในระดับกรม โดยตั้งวัตถุประสงค์ของการศึกษาไว้ 5 ประการ คือ.- 1. เพื่อทราบความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการฝึกอบรมข้าราชการพลเรือน 2. ทราบจำนวนหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริหารงานฝึกอบรมโดยตรง 3. ต้องการทราบชนิด หลักสูตร วิธีการ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกอบรม 4.ทราบความคิดเห็นของผู้มีส่วนร่วมรับผิดชอบหรือมีส่วนร่วมในงานฝึกอบรม 5. เพื่อทราบอุปสรรคในการบริหารงานฝึกอบรม
จากผลการศึกษาปรากฏว่า การกำหนดให้การฝึกอบรมเป็นงานประจำส่วนหนึ่งของหน่วยราชการพลเรือนทุกกรม ย่อมให้ผลดีกว่าจะปล่อยให้แต่ละกรมจัดขึ้นตามความจำเป็นเฉพาะหน้าเป็นครั้งคราว การวางแผน การกำหนดหลักสูตร ตลอดจนการดำเนินงานในการฝึกอบรมให้เป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องย่อมช่วยให้การฝึกอบรมได้รับผลดียิ่ง และความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างงานด้านการเจ้าหน้าที่และงานฝึกอบรมช่วยให้การฝึกอบรมบรรลุผลง่ายขึ้น นอกจากนี้ถ้าการการฝึกอบรมเป็นการฝึกอบรมงานบริหารราชการทั่วๆ ไป ควบคู่กันไปในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการฝึกอบรมด้านเทคนิคเฉพาะอย่างย่อมจะให้ผลดีกว่าที่จะทำการฝึกอบรมด้านหนึ่งด้านใดโดยเฉพาะ อนึ่งความสำเร็จในการฝึกอบรมข้าราชการพลเรือนทุกระดับชั้นย่อมต้องอาศัยความสนับสนุนจากกลุ่มผู้นำทุกระดับชั้นภายในกรม เช่น การศึกษาครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความคิดแก่ผู้เขียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการบริหารงานฝึกอบรมและแนวทางที่จะส่งเสริมให้งานฝึกอบรมข้าราชการดำเนินไปได้ผลดียิ่งขึ้น คือ.-
1. ควรให้มีการสำรวจความจำเป็นที่มีต่อการฝึกอบรม และมีการติดตามและประเมินผล
2. การจัดหลักสูตรหรือโครงการฝึกอบรมควรจะกำหนดเป็นแผนระยะยาวโดยวางหลักสูตรที่จะทำการฝึกอบรมแยกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทวิชาที่มีลักษณะถาวร และวิชาที่มีลักษณะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
3. การจัดตัวผู้เข้ารับการฝึกอบรมโดยถือเอาระดับชั้นเป็นเกณฑ์ นับว่าเหมาะสมสำหรับข้าราชการไทย พื้นความรู้ของผู้เข้ารับกากรฝึกอบรมก็ควรให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
4. สำนักฝึกอบรมควรเชิญผู้รับผิดชอบโดยตรงในการบริหารงานฝึกอบรมตั้งแต่ระดับหัวหน้าแผนกฝึกอบรมและผู้รับผิดชอบในด้านการบริหารงานบุคคลของทุกกรมมาเข้ารับการฝึกอบรมให้หมด
5. ควรเชิญข้าราชการระดับอธิบดีและหัวหน้ากองให้เข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรผู้อำนวยการฝึกอบรม
6. ควรให้อาจารย์ผู้บรรยายซึ่งเชิญมาจากที่อื่นทราบพื้นฐานและลักษณะงานของผู้เข้ารับการฝึกอบรมโดยส่วนรวมอย่างละเอียดพอสมควร.
7. ควรมีศูนย์กลางการบริหารงานฝึกอบรมในส่วนรวมของประเทศขึ้นนอกเหนือจากที่แต่ละกรมจัดขึ้นเอง.
จากผลการศึกษาปรากฏว่า การกำหนดให้การฝึกอบรมเป็นงานประจำส่วนหนึ่งของหน่วยราชการพลเรือนทุกกรม ย่อมให้ผลดีกว่าจะปล่อยให้แต่ละกรมจัดขึ้นตามความจำเป็นเฉพาะหน้าเป็นครั้งคราว การวางแผน การกำหนดหลักสูตร ตลอดจนการดำเนินงานในการฝึกอบรมให้เป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องย่อมช่วยให้การฝึกอบรมได้รับผลดียิ่ง และความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างงานด้านการเจ้าหน้าที่และงานฝึกอบรมช่วยให้การฝึกอบรมบรรลุผลง่ายขึ้น นอกจากนี้ถ้าการการฝึกอบรมเป็นการฝึกอบรมงานบริหารราชการทั่วๆ ไป ควบคู่กันไปในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการฝึกอบรมด้านเทคนิคเฉพาะอย่างย่อมจะให้ผลดีกว่าที่จะทำการฝึกอบรมด้านหนึ่งด้านใดโดยเฉพาะ อนึ่งความสำเร็จในการฝึกอบรมข้าราชการพลเรือนทุกระดับชั้นย่อมต้องอาศัยความสนับสนุนจากกลุ่มผู้นำทุกระดับชั้นภายในกรม เช่น การศึกษาครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความคิดแก่ผู้เขียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการบริหารงานฝึกอบรมและแนวทางที่จะส่งเสริมให้งานฝึกอบรมข้าราชการดำเนินไปได้ผลดียิ่งขึ้น คือ.-
1. ควรให้มีการสำรวจความจำเป็นที่มีต่อการฝึกอบรม และมีการติดตามและประเมินผล
2. การจัดหลักสูตรหรือโครงการฝึกอบรมควรจะกำหนดเป็นแผนระยะยาวโดยวางหลักสูตรที่จะทำการฝึกอบรมแยกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทวิชาที่มีลักษณะถาวร และวิชาที่มีลักษณะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
3. การจัดตัวผู้เข้ารับการฝึกอบรมโดยถือเอาระดับชั้นเป็นเกณฑ์ นับว่าเหมาะสมสำหรับข้าราชการไทย พื้นความรู้ของผู้เข้ารับกากรฝึกอบรมก็ควรให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
4. สำนักฝึกอบรมควรเชิญผู้รับผิดชอบโดยตรงในการบริหารงานฝึกอบรมตั้งแต่ระดับหัวหน้าแผนกฝึกอบรมและผู้รับผิดชอบในด้านการบริหารงานบุคคลของทุกกรมมาเข้ารับการฝึกอบรมให้หมด
5. ควรเชิญข้าราชการระดับอธิบดีและหัวหน้ากองให้เข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรผู้อำนวยการฝึกอบรม
6. ควรให้อาจารย์ผู้บรรยายซึ่งเชิญมาจากที่อื่นทราบพื้นฐานและลักษณะงานของผู้เข้ารับการฝึกอบรมโดยส่วนรวมอย่างละเอียดพอสมควร.
7. ควรมีศูนย์กลางการบริหารงานฝึกอบรมในส่วนรวมของประเทศขึ้นนอกเหนือจากที่แต่ละกรมจัดขึ้นเอง.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร์))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511.