คุณค่าของพุทธศาสนาในการบริหารราชการ
Publisher
Issued Date
1966
Issued Date (B.E.)
2509
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
185 หน้า.
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ทินพันธุ์ นาคะตะ (1966). คุณค่าของพุทธศาสนาในการบริหารราชการ. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1121.
Title
คุณค่าของพุทธศาสนาในการบริหารราชการ
Alternative Title(s)
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วัตถุประสงค์ของวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ คือ.- 1. เป็นการศึกษาหน้าที่และความสัมพันธ์ของศาสนาที่มีต่อสังคมโดยทั่วไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าศาสนาเป็นสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการบริหารอย่างไร 2. เพื่อแสดงว่าพุทธศาสนามีคุณค่าต่อสังคมโดยส่วนรวม มีอิทธิพลอยู่เหนือจิตใจและการประพฤติปฏิบัติของคนไทย 3. เพื่อศึกษาหลักธรรมที่สำคัญ ๆ ที่มีคุณค่าควรแก่การยึดถือเป็นหลักจริยธรรมในการบริหารทั้งในด้านการใช้ศิลปและเทคนิคในการปฏิบัติราชการ 4. เพื่อศึกษาถึงคุณค่าและอิทธิพลของพุทธปรัชญาที่มีต่อจริยธรรม และพฤติกรรมในการปกครองและการบริหารในทางปฏิบัติที่เป็นอยู่ ทั้งนี้เพื่อนำมาสู่ข้อสรุปที่ว่าพุทธศาสนามีคุณค่าต่อการบริหารของไทยอย่างไรบ้าง.
ในวิทยานิพนธ์ ผู้เขียนได้ยกข้อเท็จจริงและเหตุผลต่าง ๆ ที่ส่งเสริมความสำคัญ 4 ประการของพุทธศาสนาดังกล่าว นอกจากนี้ผู้เขียนได้วิเคราะห์ถึงปัญหาบางประการที่มีอยู่ในสังคมไทย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่การปรับปรุงแก้ไขให้ศาสนามีคุณค่าต่อสังคมยิ่งขึ้น ปัญหาเหล่านี้ได้แก่.- 1. ในการพัฒนาประเทศ เราขาดการพัฒนาในด้านจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นควรจะได้นำพุทธปรัชญามาเป็นคุณธรรมหรือจริยธรรมในการปกครองและการบริหารราชการ 2. มีความแตกต่างระหว่างพุทธปรัชญาในขั้นอุดมการณ์กับพุทธศาสนาในสังคมที่เรายึดถือไปปฏิบัติอยู่บ้าง 3. คนไทยส่วนมากยังเป็นพุทธศาสนิกชนแต่เพียงในนาม มิได้เคร่งครัดต่อการประพฤติปฏิบัติเท่าใดนัก 4. ประชาชนขาดความเข้าใจในหลักธรรมที่แท้จริง 5. วิธีการถ่ายทอดหลักธรรมยังคงใช้แบบเดิมที่ถือปฏิบัติกันมานานควรนำเอาเทคนิคและวิธีการสอนที่ทันสมัยมาใช้ 6. เวทมนต์คาถา ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่มีจิตอ่อน
อย่างไรก็ดีผู้เขียนได้สรุปไว้ว่า คุณลักษณะพิเศษแห่งพุทธปรัชญาในด้านต่าง ๆ ตามที่ได้ศึกษามา แสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนามีคุณค่าต่อการยึดถือเป็นหลักในการทำงานและดำรงชีวิตอยู่มากที่สุด และเหมาะสมต่อการนำมาปรับปรุงคุณค่านิยม หรือพฤติกรรมในเชิงพิเศษบางอย่างได้เป็นอย่างดี.
ในวิทยานิพนธ์ ผู้เขียนได้ยกข้อเท็จจริงและเหตุผลต่าง ๆ ที่ส่งเสริมความสำคัญ 4 ประการของพุทธศาสนาดังกล่าว นอกจากนี้ผู้เขียนได้วิเคราะห์ถึงปัญหาบางประการที่มีอยู่ในสังคมไทย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่การปรับปรุงแก้ไขให้ศาสนามีคุณค่าต่อสังคมยิ่งขึ้น ปัญหาเหล่านี้ได้แก่.- 1. ในการพัฒนาประเทศ เราขาดการพัฒนาในด้านจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นควรจะได้นำพุทธปรัชญามาเป็นคุณธรรมหรือจริยธรรมในการปกครองและการบริหารราชการ 2. มีความแตกต่างระหว่างพุทธปรัชญาในขั้นอุดมการณ์กับพุทธศาสนาในสังคมที่เรายึดถือไปปฏิบัติอยู่บ้าง 3. คนไทยส่วนมากยังเป็นพุทธศาสนิกชนแต่เพียงในนาม มิได้เคร่งครัดต่อการประพฤติปฏิบัติเท่าใดนัก 4. ประชาชนขาดความเข้าใจในหลักธรรมที่แท้จริง 5. วิธีการถ่ายทอดหลักธรรมยังคงใช้แบบเดิมที่ถือปฏิบัติกันมานานควรนำเอาเทคนิคและวิธีการสอนที่ทันสมัยมาใช้ 6. เวทมนต์คาถา ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่มีจิตอ่อน
อย่างไรก็ดีผู้เขียนได้สรุปไว้ว่า คุณลักษณะพิเศษแห่งพุทธปรัชญาในด้านต่าง ๆ ตามที่ได้ศึกษามา แสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนามีคุณค่าต่อการยึดถือเป็นหลักในการทำงานและดำรงชีวิตอยู่มากที่สุด และเหมาะสมต่อการนำมาปรับปรุงคุณค่านิยม หรือพฤติกรรมในเชิงพิเศษบางอย่างได้เป็นอย่างดี.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2509.