ทัศนคติของโต๊ะครูต่อการปรับปรุงปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม
Publisher
Issued Date
1968
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
153 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
รุ่ง แก้วแดง (1968). ทัศนคติของโต๊ะครูต่อการปรับปรุงปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1131.
Title
ทัศนคติของโต๊ะครูต่อการปรับปรุงปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม
Alternative Title(s)
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ความมุ่งหมายในการศึกษาเรื่องนี้เพื่อทราบทัศนคติของโต๊ะครูที่มีต่อการปรับปรุงปอเนาะซึ่งเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ว่าเป็นอุปสรรคต่อการปรับปรุงหรือไม่ โดยแบ่งพิจารณาออกเป็น 3 ด้าน คือ.-
1. ทัศนคติของโต๊ะครูต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปรับปรุงส่งเสริมปอเนาะในภาคการศึกษา 2 พ.ศ. 2504 และต่อความช่วยเหลือทางการเงิน การสอน วิชาชีพ และวิชาสามัญในโรงเรียน
2. ทัศนคติของโต๊ะครูต่อครูช่วยสอน
3. ทัศนคติของโต๊ะครูต่อการประเมินผล
จากกผลการศึกษาปรากฏว่า โต๊ะครูส่วนใหญ่เห็นว่าระเบียบ หรือวิธีการที่ทางราชการประกาศใช้ดีอยู่แล้ว สำหรับครูผู้สอนก็นับว่าปฏิบัติเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามมาก เข้ากันได้ดีกับโต๊ะครูและนักเรียน แต่ต้องการครูช่วยสอนที่นับถือศาสนาอิสลาม และเพศชาย หลักเกณฑ์การประเมินผลควรจะเน้นด้านอาคารสถานที่ และความสัมฤทธิผลด้านนักเรียนให้เท่า ๆ กัน โดยสรุปแล้วทัศนคติของโต๊ะครูไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการปรับปรุงปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม เพื่อให้การปรับปรุงปอเนาะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้เขียนได้ให้ข้อเสนอแนะไว้หลายประการ คือ.-
1. ระเบียบและวิธีการปรับปรุงควรแก้ไขให้มีลักษณะใกล้เคียงกับ พ.ร.บ. โรงเรียนราษฎร์ ปี 2497 โดยให้โต๊ะครูร่วมในการพิจารณาแก้ไข การช่วยเหลือด้านการเงินและครูช่วยสอน ควรพิจารณาตามขนาดและความจำเป็น
2. ควรมีการแก้ปัญหาการขาดครูโดยวางแผนระยะสั้น คือให้มีการอบรมครูอย่างน้อย 3 เดือน และแผนระยะยาว โดยรับนักเรียนจากโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามเข้าเรียนในวิทยาลัยครู และปรับปรุงอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทยเสียใหม่ โดยจัดหลักสูตรแบบวิทยาลัยครูอาชีวศึกษา เพื่อผลิตครูและช่างฝีมือที่นับถือศาสนาอิสลาม
3. หลักเกณฑ์การประเมินผลควรเน้นทั้ง 2 ด้าน ด้านอาคารสถานที่ และด้านความสัมฤทธิผลของนักเรียน เงินรางวัลควรเพิ่มให้มากขึ้น
4. ควรจัดศึกษาพิเศษเป็นชุด ประกอบด้วยศึกษานิเทศก์วิชาศาสนา วิชาสามัญ วิชาชีพ ออกทำการนิเทศก์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง.
5. ควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยกรมพัฒนาชุมชน หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และภาคศึกษา 2 ที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน โดยมีกองบัญชาการร่วมกันวางแผนและปฏิบัติงานให้สอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน.
1. ทัศนคติของโต๊ะครูต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปรับปรุงส่งเสริมปอเนาะในภาคการศึกษา 2 พ.ศ. 2504 และต่อความช่วยเหลือทางการเงิน การสอน วิชาชีพ และวิชาสามัญในโรงเรียน
2. ทัศนคติของโต๊ะครูต่อครูช่วยสอน
3. ทัศนคติของโต๊ะครูต่อการประเมินผล
จากกผลการศึกษาปรากฏว่า โต๊ะครูส่วนใหญ่เห็นว่าระเบียบ หรือวิธีการที่ทางราชการประกาศใช้ดีอยู่แล้ว สำหรับครูผู้สอนก็นับว่าปฏิบัติเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามมาก เข้ากันได้ดีกับโต๊ะครูและนักเรียน แต่ต้องการครูช่วยสอนที่นับถือศาสนาอิสลาม และเพศชาย หลักเกณฑ์การประเมินผลควรจะเน้นด้านอาคารสถานที่ และความสัมฤทธิผลด้านนักเรียนให้เท่า ๆ กัน โดยสรุปแล้วทัศนคติของโต๊ะครูไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการปรับปรุงปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม เพื่อให้การปรับปรุงปอเนาะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้เขียนได้ให้ข้อเสนอแนะไว้หลายประการ คือ.-
1. ระเบียบและวิธีการปรับปรุงควรแก้ไขให้มีลักษณะใกล้เคียงกับ พ.ร.บ. โรงเรียนราษฎร์ ปี 2497 โดยให้โต๊ะครูร่วมในการพิจารณาแก้ไข การช่วยเหลือด้านการเงินและครูช่วยสอน ควรพิจารณาตามขนาดและความจำเป็น
2. ควรมีการแก้ปัญหาการขาดครูโดยวางแผนระยะสั้น คือให้มีการอบรมครูอย่างน้อย 3 เดือน และแผนระยะยาว โดยรับนักเรียนจากโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามเข้าเรียนในวิทยาลัยครู และปรับปรุงอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทยเสียใหม่ โดยจัดหลักสูตรแบบวิทยาลัยครูอาชีวศึกษา เพื่อผลิตครูและช่างฝีมือที่นับถือศาสนาอิสลาม
3. หลักเกณฑ์การประเมินผลควรเน้นทั้ง 2 ด้าน ด้านอาคารสถานที่ และด้านความสัมฤทธิผลของนักเรียน เงินรางวัลควรเพิ่มให้มากขึ้น
4. ควรจัดศึกษาพิเศษเป็นชุด ประกอบด้วยศึกษานิเทศก์วิชาศาสนา วิชาสามัญ วิชาชีพ ออกทำการนิเทศก์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง.
5. ควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยกรมพัฒนาชุมชน หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และภาคศึกษา 2 ที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน โดยมีกองบัญชาการร่วมกันวางแผนและปฏิบัติงานให้สอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร์))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์,2511.