การมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Publisher
Issued Date
1994
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
16, 170 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ชาตรี วงศ์มาสา (1994). การมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1729.
Title
การมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Alternative Title(s)
Institutionalization of Sukhothai Thammathirat Open University
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การมีภาวะเป็นสถาบัน เป็นแนวความคิดทางสังคมวิทยาที่พยายามและอธิบายการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม โดยเห็นว่าสังคมจะเกิดความเป็นปึกแผ่นและอยู่รอดต่อไปได้นั้น ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มคนในสังคมได้ให้การยอมรับในระเบียบแบบแผนของสังคมหรือไม่ และมีการถือปฏิบัติตามในระเบียบแบบแผนของสังคมเพียงใด
ผู้วิจัยได้ถือแนวคิดนี้เป็นแนวความคิดหลักในการศึกษาองค์การปฏิบัติงาน โดยเลือกทำการศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เนื่องจากเป็นองค์การใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของโครงสร้างของงานและระเบียบแบบแผนในการทำงานอย่างรวดเร็ว อันน่าจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของข้าราชการที่ปฏิบัติงานภายในมหาวิทยาลัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ ในการสร้างกรอบแนวคิดในการศึกษา "การมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช" ผู้วิจัยได้สร้างกรอบแนวคิดโดยอาศัยตัวแปรความพอใจในงานเป็นตัวชี้วัดการมีภาวะเป็นสถาบัน กล่าวคือ หากบุคคลมีความพอใจในงานแล้วย่อมคาดการณ์ได้ว่า บุคคลจะยังคงรักษาความเป็นสมาชิกขององค์การและมีการปฏิบัติงานในองค์การต่อไป ซึ่งก็คือได้เกิดภาวะการเป็นกลุ่มอย่างเหนียวแน่นในองค์การ และภาวะการเป็นกลุ่มเช่นนี้ย่อมสะท้อนได้ว่าได้เกิดลักษณะการมีภาวะเป็นสถาบัน นั่นเอง.
ด้วยเหตุนี้ วัตถุประสงค์สำคัญของการศึกษาวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นที่ (1) ศึกษาทัศนคติของข้าราชการที่มีงานภายในมหาวิทยาลัย (2) ศึกษาบรรยากาศองค์การหรือสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยกับทัศนคติของข้าราชการที่มีต่องาน นั่นคือ ตัวแปรที่สำคัญที่ได้รับการศึกษา จะประกอบด้วย ตัวแปรความพอใจในงานและตัวแปรสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัย.
สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านความคิดเห็นจากข้าราชการอาจารย์ภายในมหาวิทยาลัย จำนวน 100 ราย โดยตัวแปรแต่ละตัวได้เก็บรวบรวมข้อมูลในมิติที่สำคัญ ดังนี้ ตัวแปรความพอใจในงานเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 5 มิติ ได้แก่ ลักษณะงาน การบริหาร ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน สิ่งตอบแทนที่เป็นวัตถุ และสิ่งตอบแทนที่ไม่ใช่วัตถุส่วนตัวแปรสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัย เก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 8 มิติ ได้แก่ เป้าหมายของมหาวิทยาลัย โครงสร้างของการทำงาน ความรับผิดชอบต่องาน ความเป็นอิสระในการทำงาน ความอบอุ่นและการสนับสนุน การพัฒนาและความก้าวหน้า การยอมรับความขัดแย้ง และความรู้สึกผูกพัน
ผลการศึกษาพบว่า.
1. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเกิดลักษณะ "การมีภาวะเป็นสถาบัน" ในระดับสูง โดยพิจารณาได้จากข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยมีความพอใจในงานระดับสูงทุก ๆ ด้านที่ทำการศึกษา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาแยกตามมิติของความพอใจในงาน พบว่า ข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จะมีความพึงพอใจในงานด้าน "ลักษณะงาน" สูงสุด และมีความพอใจในงานด้าน "ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน" ต่ำสุด
2. สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อการมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัย โดยพิจารณาได้จากสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยที่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานของข้าราชการได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟา เท่ากับ 0.05 กล่าวคือ หากข้าราชการในมหาวิทยาลัยมีการรับรู้ต่อสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยในทางที่ดี ย่อมทำให้ข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยมีความพอใจในงานระดับสูง และในทางตรงข้าม ถ้าหากข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยมีการรับรู้ต่อสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยในลักษณะที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ย่อมทำให้ข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยปฏิบัติงานด้วยความเบื่อหน่าย และอาจขาดความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงานในขอบเขตของงานที่รับผิดชอบได้
3. มิติย่อยของสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อการมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยแตกต่างกัน กล่าวคือ สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยเป็นตัวแปรที่ประกอบด้วยหลายมิติ และในแต่ละมิติมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานไม่เท่ากัน โดยมิติที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานของข้าราชการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟา 0.05 คือ ด้านความอบอุ่นและการสนับสนุน ด้านความรู้สึกผูกพันต่อมหาวิทยาลัย และด้านโครงสร้างของการทำงาน ส่วนด้านอื่น ๆ ของตัวแปรสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยที่นอกเหนือจากนี้ มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานของข้าราชการอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟา 0.05.
ดังนั้น ข้อค้นพบทางสมมติฐานจากการศึกษาวัจัยนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพื่อให้เอื้ออำนวยหรือเป็นเหตุจูงใจให้ข้าราชการเกิดความร่วมมือร่วมใจในการทำงานได้ กล่าวคือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ควรให้ความสนใจหรือเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยในด้านที่เหลืออีก 5 ด้าน เป็นสำคัญ ได้แก่ ด้านการพัฒนาและความก้าวหน้า ด้านความเป็นอิสระในการทำงาน ด้านความรับผิดชอบต่องาน ด้านเป้าหมายของมหาวิทยาลัย และด้านการยอมรับความขัดแย้ง.
ผู้วิจัยได้ถือแนวคิดนี้เป็นแนวความคิดหลักในการศึกษาองค์การปฏิบัติงาน โดยเลือกทำการศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เนื่องจากเป็นองค์การใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของโครงสร้างของงานและระเบียบแบบแผนในการทำงานอย่างรวดเร็ว อันน่าจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของข้าราชการที่ปฏิบัติงานภายในมหาวิทยาลัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ ในการสร้างกรอบแนวคิดในการศึกษา "การมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช" ผู้วิจัยได้สร้างกรอบแนวคิดโดยอาศัยตัวแปรความพอใจในงานเป็นตัวชี้วัดการมีภาวะเป็นสถาบัน กล่าวคือ หากบุคคลมีความพอใจในงานแล้วย่อมคาดการณ์ได้ว่า บุคคลจะยังคงรักษาความเป็นสมาชิกขององค์การและมีการปฏิบัติงานในองค์การต่อไป ซึ่งก็คือได้เกิดภาวะการเป็นกลุ่มอย่างเหนียวแน่นในองค์การ และภาวะการเป็นกลุ่มเช่นนี้ย่อมสะท้อนได้ว่าได้เกิดลักษณะการมีภาวะเป็นสถาบัน นั่นเอง.
ด้วยเหตุนี้ วัตถุประสงค์สำคัญของการศึกษาวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นที่ (1) ศึกษาทัศนคติของข้าราชการที่มีงานภายในมหาวิทยาลัย (2) ศึกษาบรรยากาศองค์การหรือสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยกับทัศนคติของข้าราชการที่มีต่องาน นั่นคือ ตัวแปรที่สำคัญที่ได้รับการศึกษา จะประกอบด้วย ตัวแปรความพอใจในงานและตัวแปรสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัย.
สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านความคิดเห็นจากข้าราชการอาจารย์ภายในมหาวิทยาลัย จำนวน 100 ราย โดยตัวแปรแต่ละตัวได้เก็บรวบรวมข้อมูลในมิติที่สำคัญ ดังนี้ ตัวแปรความพอใจในงานเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 5 มิติ ได้แก่ ลักษณะงาน การบริหาร ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน สิ่งตอบแทนที่เป็นวัตถุ และสิ่งตอบแทนที่ไม่ใช่วัตถุส่วนตัวแปรสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัย เก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 8 มิติ ได้แก่ เป้าหมายของมหาวิทยาลัย โครงสร้างของการทำงาน ความรับผิดชอบต่องาน ความเป็นอิสระในการทำงาน ความอบอุ่นและการสนับสนุน การพัฒนาและความก้าวหน้า การยอมรับความขัดแย้ง และความรู้สึกผูกพัน
ผลการศึกษาพบว่า.
1. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเกิดลักษณะ "การมีภาวะเป็นสถาบัน" ในระดับสูง โดยพิจารณาได้จากข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยมีความพอใจในงานระดับสูงทุก ๆ ด้านที่ทำการศึกษา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาแยกตามมิติของความพอใจในงาน พบว่า ข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จะมีความพึงพอใจในงานด้าน "ลักษณะงาน" สูงสุด และมีความพอใจในงานด้าน "ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน" ต่ำสุด
2. สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อการมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัย โดยพิจารณาได้จากสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยที่สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานของข้าราชการได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟา เท่ากับ 0.05 กล่าวคือ หากข้าราชการในมหาวิทยาลัยมีการรับรู้ต่อสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยในทางที่ดี ย่อมทำให้ข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยมีความพอใจในงานระดับสูง และในทางตรงข้าม ถ้าหากข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยมีการรับรู้ต่อสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยในลักษณะที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ย่อมทำให้ข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยปฏิบัติงานด้วยความเบื่อหน่าย และอาจขาดความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงานในขอบเขตของงานที่รับผิดชอบได้
3. มิติย่อยของสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อการมีภาวะเป็นสถาบันของมหาวิทยาลัยแตกต่างกัน กล่าวคือ สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยเป็นตัวแปรที่ประกอบด้วยหลายมิติ และในแต่ละมิติมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานไม่เท่ากัน โดยมิติที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานของข้าราชการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟา 0.05 คือ ด้านความอบอุ่นและการสนับสนุน ด้านความรู้สึกผูกพันต่อมหาวิทยาลัย และด้านโครงสร้างของการทำงาน ส่วนด้านอื่น ๆ ของตัวแปรสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยที่นอกเหนือจากนี้ มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความพอใจในงานของข้าราชการอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟา 0.05.
ดังนั้น ข้อค้นพบทางสมมติฐานจากการศึกษาวัจัยนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพื่อให้เอื้ออำนวยหรือเป็นเหตุจูงใจให้ข้าราชการเกิดความร่วมมือร่วมใจในการทำงานได้ กล่าวคือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ควรให้ความสนใจหรือเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยในด้านที่เหลืออีก 5 ด้าน เป็นสำคัญ ได้แก่ ด้านการพัฒนาและความก้าวหน้า ด้านความเป็นอิสระในการทำงาน ด้านความรับผิดชอบต่องาน ด้านเป้าหมายของมหาวิทยาลัย และด้านการยอมรับความขัดแย้ง.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2537.