Title:
| การบริหารงานบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงสาธารณสุข |
Other title(s):
| Personnel administration in southern border area of the Ministry of Public Health |
Author(s):
| อุทัยวรรณ ศิลปพิพัฒน์ |
Advisor:
| วิชัย รูปขำดี, อาจารย์ที่ปรึกษา |
Degree name:
| พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree level:
| ปริญญาโท |
Degree discipline:
| การวิเคราะห์และวางแผนทางสังคม |
Degree department:
| คณะพัฒนาสังคม |
Degree grantor:
| สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
Issued date:
| 1994 |
Publisher:
| สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
Abstract:
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาถึงรูปแบบและกระบวนการในการบริหารงานบุคคลของระบบราชการไทย โดยเฉพาะระบบการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานสาธารณสุข (2) เพื่อศึกษาถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหาของการบริหารงานบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงสาธารณสุข และเสนอแนะมาตรการเชิงการนำนโยบายไปปฏิบัติเกี่ยวกับการสนับสนุนการบริหารงานบุคคล การรวบรวมข้อมูล ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะจง จากกลุ่มตัวอย่างซึ่งมี ผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้างของหน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดดังกล่าว รวม 343 คน และใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการศึกษามีข้อสรุปได้ดังนี้ 1) การสรรหาคัดเลือก บรรจุแต่งตั้งและโยกย้าย พบว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นว่าบุคลากรไม่พอเพียง ได้เสนอแนะแนวทางแก้ไข คือ ขอยืมตัวข้าราชการจากหน่วยงานอื่นมาช่วยราชการ และมอบหมายหน้าที่ให้รับผิดชอบ ส่วนคุณสมบัติตามมติครม.มีความเห็นว่า เหมาะสมด้านความประพฤติ บุคลิกลักษณะดี ประวัติการทำงานดี ความสามารถในการปฏิบัติงาน และการเข้ากับประชาชนและระบุว่าไม่มีผลดีในการใช้ระบบอุปถัมภ์ ข้าราชการและลูกจ้างส่วนใหญ่ระบุว่า บุคลากรไม่พอเพียงเช่นเดียวกันโดยเฉพาะตำแหน่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระดับตำบล และมีการใช้ระบบอุปถัมภ์ โดยเฉพาะระดับจังหวัดและอำเภอเมือง. 2) การเลื่อนตำแหน่ง ผู้บริหารส่วนใหญ่ระบุว่าควรมีการพิจารณาการเลื่อนตำแหน่งให้ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดภาคใต้ก่อน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และเห็นด้วยกับการใช้วิธีสอบแข่งขันและเสนอผลงาน และระบุว่ามีการใช้ระบบอุปถัมภ์ในการเลื่อนตำแหน่งสำหรับข้าราชการและลูกจ้างเกือบทั้งหมด ไม่เคยติดขั้นเงินเดือนและเห็นว่าควรใช้วิธีการสอบแข่งขัน และเสนอผลงานในการเลื่อนตำแหน่ง. 3) รางวัลและการลงโทษ ทั้งผู้บริหารและข้าราชการ เห็นว่าในการพิจารณาความดีความชอบโดยใช้ผลงานดีเด่นเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา 2 ขั้นปกติ และ 2 ขั้นพิเศษ 4) การพัฒนาบุคลากร ผู้บริหารระบุว่า มีแผนพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน ส่วนการประเมินผลการฝึกอบรม หลักสูตร ศอ.บต. พบว่าประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ระดับค่อนข้างมาก ส่วนข้าราชการและลูกจ้าง สองในสาม ระบุว่า ไม่ได้รับการฝึกอบรม ดูงาน ศึกษาต่อ ส่วนการประเมิน ศอ.บต. และระบุว่าได้รับประโยชน์มากจากการปฐมนิเทศ และเห็นว่าจังหวัดเป็นหน่วยงานที่พัฒนาบุคลากรได้ดีที่สุด โดยให้เหตุผลว่าวิทยากรมีความรู้ รู้สภาพปัญหาของพื้นที่ และเป็นวิทยากรมาจากกระทรวงต่าง ๆ ใน จชต. 5) สวัสดิการ ผู้บริหารส่วนใหญ่ระบุว่า มีหลักเกณฑ์ในการจัดบ้านพัก และเป็นไปตามเกณฑ์ สำหรับข้าราชการและลูกจ้าง ส่วนใหญ่ระบุว่ามีเกณฑ์ในการจัดบ้านพัก และเป็นไปตามเกณฑ์ ปัญหาที่ประสบคือ ด้านความปลอดภัย ได้เสนอความเห็นว่า ควรเพิ่มเงินค่าเบี้ยเสี่ยงภัย ค่าเสี่ยงภัยเกี่ยวกับโรคเอดส์ และค่าล่วงเวลา และส่วนใหญ่ระบุว่า สหกรณ์ออมทรัพย์สามารถช่วยแก้ปัญหาสวัสดิการได้มาก ข้อเสนอแนะโดยทั่วไป ควรใช้ระบบคุณธรรม และควรให้สิทธิพิเศษแก่คนในพื้นที่ กระทรวงควรกระจายอำนาจ การสรรหา คัดเลือก บรรจุ แต่งตั้งและโยกย้าย ให้ส่วนหน่วยงานภูมิภาค และกำหนดอัตรากำลังให้พอเพียงกับปริมาณงาน ควรมีการกระจายโควต้า 2 ขั้นพิเศษ เหรียญพิทักษ์เสรีชน การนับเวลาทวีคูณ และเบี้ยเสี่ยงภัย ให้ทั่วทุกหน่วยงานอย่างเป็นธรรม และควรจัดการปฐมนิเทศสำหรับข้าราชการที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ครั้งแรกให้ทั่วถึง.
|
Description:
|
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2537.
|
Subject(s):
| การบริหารงานบุคคล -- ไทย (ภาคใต้)
ข้าราชการพลเรือน -- ไทย (ภาคใต้) |
Keyword(s):
| ไทย |
Resource type:
| Thesis |
Extent:
| 13, 267, [58] แผ่น |
Type:
| Text |
File type:
| application/pdf |
Language:
| tha |
Rights:
| ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
Access rights:
| สงวนสิทธิ์ในการเข้าถึงเอกสารฉบับเต็มเฉพาะ นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์เท่านั้น |
Rights holder(s):
| สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
URI:
| http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1748 |