ความพึงพอใจของผู้ประกันตนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการบริการทางการแพทย์ ภายในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 : กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
Publisher
Issued Date
1994
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
132 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
สมพร ตั้งสะสม (1994). ความพึงพอใจของผู้ประกันตนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการบริการทางการแพทย์ ภายในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 : กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1763.
Title
ความพึงพอใจของผู้ประกันตนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการบริการทางการแพทย์ ภายในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 : กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
Alternative Title(s)
The satisfaction of insured persons in Bangkok Metropolitan area on medical services under social security act BC 2533 : the case of non-occupational injury or sickness
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ประกันตน ต่อบริการทางการแพทย์ 2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทั่วไปของผู้ประกันตนกับระดับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์ 3. เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคของผู้ประกันตนต่อการขอรับบริการทางการแพทย์
ผู้วิจัย ได้เก็บรวบรวมจากผู้ประกันตนในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เคยมีประสบการณ์ ขอรับบริการทางการแพทย์จากสถานพยาบาลสังกัดประกันสังคม จำนวน 340 คน ในการวิจัยครั้งนี้ ได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ผู้วิจัยได้ใช้ปัจจัยในการชี้วัด ความพึงพอใจจากการศึกษาของอเดย์ และ แอนเดอร์เซน เป็นหลักตัวชี้วัดความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์ ประกอบไปด้วย 6 ด้าน คือ 1. ด้านความสะดวกที่ได้รับจากสถานพยาบาล 2. ความหลากหลายของการบริการ 3. อัธยาศัยความสนใจของเจ้าหน้าที่ 4. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย จากเจ้าหน้าที่ 5. การยอมรับคุณภาพของการบริการ 6. ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการประกันตน
ผลการวิจัยพบว่า ระดับความพึงพอใจของผู้ประกันตนที่มีต่อบริการทางการแพทย์ โดยส่วนรวม อยู่ในระดับปานกลาง สำหรับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์แต่ละด้าน ได้แก่ ความหลากหลายของการบริการ อัธยาศัยความสนใจของเจ้าหน้าที่ และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยจากเจ้าหน้าที่ อยู่ในระดับสูง ส่วนความสะดวกที่ได้รับจากสถานพยาบาล การยอมรับคุณภาพของการบริการ และความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการประกันตน กับ ระดับความพึงพอใจต่อบริการทางแพทย์ พบว่า ระดับการศึกษา การได้รับข้อมูลข่าวสารด้านบริการทางการแทพย์ และประเภทสถานประกอบการ มีความสัมพันธ์กับระดับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 ส่วน เพศ อายุ รายได้ ประสบการณ์ที่เคยใช้บริการจากสถานพยาบาลอื่น ๆ และประเภทสถานพยาบาล ไม่มีความสัมพันธ์กับระดับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สำหรับด้านปัญหาอุปสรรคต่อการขอรับบริการทางการแพทย์ พบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับความไม่สะดวกจากสถานพยาบาล เนื่องจาก สถานที่ตั้งของสถานพยาบาลอยู่ไกลจากที่ทำงานและที่พักอาศัย การใช้เวลารอคอยในสถานพยาบาลเสียเวลานาน
จากผลการศึกษา มีข้อเสนอแนะว่า สำนักงานประกันสังคม ควรเร่งรัดแก้ไขระเบียบการให้ผู้ประกันตนเป็นผู้เลือกสถานพยาบาลเองโดยเร็ว และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง โดยแหล่งข้อมูลข่าวสารที่ควรให้ความสำคัญ คือ สถานประกอบการของผู้ประกันตน
ผู้วิจัย ได้เก็บรวบรวมจากผู้ประกันตนในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เคยมีประสบการณ์ ขอรับบริการทางการแพทย์จากสถานพยาบาลสังกัดประกันสังคม จำนวน 340 คน ในการวิจัยครั้งนี้ ได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ผู้วิจัยได้ใช้ปัจจัยในการชี้วัด ความพึงพอใจจากการศึกษาของอเดย์ และ แอนเดอร์เซน เป็นหลักตัวชี้วัดความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์ ประกอบไปด้วย 6 ด้าน คือ 1. ด้านความสะดวกที่ได้รับจากสถานพยาบาล 2. ความหลากหลายของการบริการ 3. อัธยาศัยความสนใจของเจ้าหน้าที่ 4. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย จากเจ้าหน้าที่ 5. การยอมรับคุณภาพของการบริการ 6. ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการประกันตน
ผลการวิจัยพบว่า ระดับความพึงพอใจของผู้ประกันตนที่มีต่อบริการทางการแพทย์ โดยส่วนรวม อยู่ในระดับปานกลาง สำหรับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์แต่ละด้าน ได้แก่ ความหลากหลายของการบริการ อัธยาศัยความสนใจของเจ้าหน้าที่ และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยจากเจ้าหน้าที่ อยู่ในระดับสูง ส่วนความสะดวกที่ได้รับจากสถานพยาบาล การยอมรับคุณภาพของการบริการ และความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการประกันตน กับ ระดับความพึงพอใจต่อบริการทางแพทย์ พบว่า ระดับการศึกษา การได้รับข้อมูลข่าวสารด้านบริการทางการแทพย์ และประเภทสถานประกอบการ มีความสัมพันธ์กับระดับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 ส่วน เพศ อายุ รายได้ ประสบการณ์ที่เคยใช้บริการจากสถานพยาบาลอื่น ๆ และประเภทสถานพยาบาล ไม่มีความสัมพันธ์กับระดับความพึงพอใจต่อบริการทางการแพทย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สำหรับด้านปัญหาอุปสรรคต่อการขอรับบริการทางการแพทย์ พบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับความไม่สะดวกจากสถานพยาบาล เนื่องจาก สถานที่ตั้งของสถานพยาบาลอยู่ไกลจากที่ทำงานและที่พักอาศัย การใช้เวลารอคอยในสถานพยาบาลเสียเวลานาน
จากผลการศึกษา มีข้อเสนอแนะว่า สำนักงานประกันสังคม ควรเร่งรัดแก้ไขระเบียบการให้ผู้ประกันตนเป็นผู้เลือกสถานพยาบาลเองโดยเร็ว และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง โดยแหล่งข้อมูลข่าวสารที่ควรให้ความสำคัญ คือ สถานประกอบการของผู้ประกันตน
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2537.