• English
    • ไทย
  • English 
    • English
    • ไทย
  • Login
View Item 
  •   Wisdom Repository Home
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร
  • GSSDE: Theses
  • View Item
  •   Wisdom Repository Home
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร
  • GSSDE: Theses
  • View Item
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

Browse

All of Wisdom RepositoryCommunities & CollectionsBy Issue DateAuthorsTitlesSubjectsBy Submit DateResource TypesThis CollectionBy Issue DateAuthorsTitlesSubjectsBy Submit DateResource Types

My Account

Login

สัมฤทธิผลของโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

by สมพันธ์ เตชะอธิก

Title:

สัมฤทธิผลของโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Other title(s):

An achievement of the Agricultural Land Arrangement for the Poor in the Deteriorated Reserve Forest in the Northeastern Thailand Project

Author(s):

สมพันธ์ เตชะอธิก

Advisor:

วิชัย รูปขำดี, อาจารย์ที่ปรึกษา

Degree name:

พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต

Degree level:

ปริญญาโท

Degree discipline:

การวิเคราะห์และวางแผนสังคม

Degree department:

คณะพัฒนาสังคม

Degree grantor:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Issued date:

1992

Publisher:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Abstract:

ปัญหาการลดลงของทรัพยากรป่าไม่มีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับปัญหาการขาดที่ดินทำกินของราษฎร ความเชื่อที่ว่าราษฎรเป็นผู้บุกรุกป่าและตั้งบ้านเรือนจนเกิดเป็นชุมชนขึ้น จึงต้องแก้ไขโดยการอพยพโยกย้ายราษฎรออกจากป่า เป็นที่มาอันสำคัญของโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือชื่อย่อว่า "คจก." ซึ่งได้เริ่มดำเนินการในต้นปี 2534 และยุติโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2535 โดยมีสาเหตุที่สำคัญ จากการคัดค้านของราษฎรจำนวนมากที่ได้รับความเดือนร้อนจากโครงการนี้ แต่อย่างไรก็ดี แนวคิดในการอพยพราษฎรออกจากป่าก็ยังคงดำรงอยู่
การศึกษาเพื่อประเมินสัมฤทธิผลของโครงการนี้จึงเป็นการสรุปคุณค่าของโครงการอีกครั้งหนึ่ง ในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้วิธีทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยใช้กรณีศึกษาจาก 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านคลองเจริญ อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น และหมู่บ้านโนนสวรรค์ อำเภอเทพสถิตย์ จังหวัดชัยภูมิ มีครัวเรือนตัวอย่าง 123 ราย คิดเป็นร้อยละ 48.8 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด
เกณฑ์วัดสัมฤทธิผลของโครงการมี 4 ตัวชี้วัด คือ
1. ความพอใจของประชาชนในเขตอพยพต่อการดำเนินงานตามแผนของโครงการ.
2. คุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตอพยพตามเกณฑ์ความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.)
3. ความพอใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โครงการ.
4. ผลกระทบจากโครงการ.
ผลการศึกษา พบว่า สัมฤทธิผลโดยส่วนรวมของโครงการอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความพอใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โครงการ ประชาชนไม่พอใจถึงร้อยละ 100 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ใช้ความรุนแรง ข่มขู่และหลอกลวงชาวบ้าน
ผลกระทบด้านภาววิสัยจากโครงการส่วนใหญ่เป็นผลกระทบทางลบ เช่น ชาวบ้านยากจนลง ขาดรายได้ มีหนี้สิน รายจ่ายเพิ่มขึ้น จำนวนที่ดินลดลง ผลผลิตเสียหาย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพป่าไม้ ที่ดิน และแหล่งน้ำไม่เหมาะสมและไม่เอื้ออำนวยแก่การดำรงชีวิต
ในด้านอัตตวิสัยก็เกิดผลกระทบทางลบทางสังคมและวัฒนธรรม เช่น ครอบครัวต้องแยกกันอยู่ร้อยละ 29.2 เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านที่ถูกอพยพกับทหารและเจ้าหน้าที่โครงการและระหว่างชาวบ้านที่อพยพกับชาวบ้านเจ้าของที่ดินเดิม ตลอดจนชาวบ้านที่อพยพมาด้วยกันเองที่มีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายที่ยอมรับการอพยพโยกย้ายกับฝ่ายที่คัดค้าน
ในด้านการดำเนินงานตามแผนโครงการ ดูเหมือนจะมีความสำเร็จระดับปานกลาง คือ ร้อยละ 56 ของชาวบ้าน มีความพอใจในด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในเรื่องการจัดที่ดินทำกินไม่ประสบผลสำเร็จ เรื่องนี้จึงเชื่อมโยงไปถึงคุณภาพชีวิตตามเกณฑ์ จปฐ. ถึงแม้จะเข้าเกณฑ์ จปฐ. ร้อยละ 50 แต่ไม่อาจกล่าวได้ว่า คุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดีหรือปานกลาง เพราะแท้ที่จริงแล้วชาวบ้านประสบความทุกข์ยากกว่าเดิมมาก จากการไม่มีที่ดินทำกินและจากผลกระทบอื่น ๆ.
โดยสรุป จึงน่าจะกล่าวได้ว่า คจก. ไม่สัมฤทธิผลหรือมีสัมฤทธิผลน้อยในทุกตัวชี้วัด การยกเลิก คจก. ของรัฐบาลก็เป็นสิ่งสะท้อนผลการประเมินความล้มเหลวของโครงการได้อีกทางหนึ่งด้วย.
ดังนั้น ในด้านแนวคิด รัฐบาลจึงควรยอมรับแนวความคิดที่ว่าคนสามารถอยู่ร่วมกับป่ามากกว่าที่แยกคนออกจากป่า และไม่ควรยึดแนวคิด "รัฐได้ป่า ประชาได้ที่" เพราะแท้ที่จริงชาวบ้านมีศักยภาพในการอนุรักษ์ป่าไม้ดีกว่ารัฐ
ในระดับนโยบาย ควรให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการจัดที่ดินและอนุรักษ์ป่าควบคู่กันไป ไม่ควรกำหนดแนวเขตป่าอนุรักษ์ที่มีชุมชนอยู่แล้วและไม่ใช่เขตต้นน้ำ ไม่มีพันธุ์สัตว์ป่าให้เป็นป่าอนุรักษ์ รัฐควรส่งเสริมการสร้างสำนึกในการรักษาป่า ให้ความรู้และเผยแพร่ข้อมูล รวมทั้งควรมีพระราชบัญญัติป่าชุมชนโดยด่วน
ในระดับปฏิบัติมี 3 กรณีคือ กรณีที่ไม่ต้องอพยพโยกย้ายชาวบ้าน ควรให้สิทธิในที่ดินจำนวนเท่าเดิม นั่นคือ ยอมรับสิทธิในที่ดินและให้ชาวบ้านร่วมดูแลป่าได้ในพื้นที่เดิม
กรณีที่ไม่ต้องอพยพโยกย้ายชาวบ้าน แต่หากให้สิทธิในที่ดินจำนวนน้อยกว่าเดิม ควรให้เหลือไม่น้อยกว่าครอบครัวละ 25 ไร่ สำหรับผู้มีที่ดินเกิน 25 ไร่อยู่ก่อนแล้ว และจัดที่ดินร้อยละ 10 สำหรับป่าอนุรักษ์หรือป่าชุมชนหรือจัดสรรให้กับผู้ยากไร้
และกรณีที่ต้องอพยพโยกย้ายชาวบ้าน ควรให้สิทธิในที่ดินจำนวนน้อยกว่าเดิม มีหลายประการ คือ
-พื้นที่รองรับและชาวบ้าน ควรมีความพร้อมก่อนการอพยพโยกย้าย.
-การจัดที่ดินทำกิน ควรให้ผู้อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านที่ต้องอพยพได้รับสิทธิทำกินจนครบก่อน
-พื้นที่ทำกินควรเพาะปลูกได้จริง และเพียงพออย่างน้อย 25 ไร่ และมีที่ปลูกบ้าน 2 งาน โดยรัฐควรพัฒนาที่ดินให้เหมาะสมแก่การเพาะปลูกและส่งเสริมการเกษตร.

Description:

วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2535.

Subject(s):

การถือครองที่ดิน -- ไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

Keyword(s):

การจัดสรรที่ดิน
ที่ดินเพื่อการเกษตร
ป่าสงวน
นโยบายป่าไม้
โครงการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม

Resource type:

วิทยานิพนธ์

Extent:

16, 246 แผ่น

Type:

Text

File type:

application/pdf

Language:

tha

Rights:

ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)

URI:

http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1783
Show full item record

Files in this item (EXCERPT)

Thumbnail
View
  • nida-ths-b4888ab.pdf ( 180.89 KB )

ทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดในคลังปัญญา ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอนและการค้นคว้าเท่านั้น และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งที่นำไปใช้ ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และทำสำเนาต่อ รวมถึงไม่ให้อนุญาตนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น



Files in this item (CONTENT)

Thumbnail
View
  • nida-ths-b4888.pdf ( 3,684.75 KB )

ทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดในคลังปัญญา ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอนและการค้นคว้าเท่านั้น และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งที่นำไปใช้ ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และทำสำเนาต่อ รวมถึงไม่ให้อนุญาตนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น



This item appears in the following Collection(s)

  • GSSDE: Theses [555]

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

‹›×