กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ : กรณีศึกษาสำนักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคาม
Files
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
143 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b185647
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
เรียวรุ้ง บุญเกิด (2014). กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ : กรณีศึกษาสำนักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคาม. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3107.
Title
กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ : กรณีศึกษาสำนักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคาม
Alternative Title(s)
Restorative justice : A case study of provincial justice office in Mahasarakham province
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษากระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์โดย
สานักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคาม 2) ศึกษาเงื่อนไขความสาเร็จของกระบวนการไกล่เกลี่ย
ระงับข้อพิพาท และ 3) ศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการดาเนินกระบวนการยุติธรรม
เชิงสมานฉันท์ เป็นการการศึกษาการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) มีการเก็บข้อมูลโดย
การสัมภาษณ์แบบเจาะลึกจากผู้ให้ข้อมูลสาคัญ (Key Informant) 18 คน โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) ใช้แนวทางการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interview)
ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ของสานักงานยุติธรรมจังหวัด
มหาสารคามใช้รูปแบบการไกล่เกลี่ย โดยกระบวนการเริ่มต้นประชาชนสามารถติดต่อได้ทั้ง
ช่องทางจากสานักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคามและช่องทางจากเครือข่าย โดยมีขั้นตอนในการ
ดา เนินกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ที่สาคัญ คือ 1) การเข้าสู่กระบวนการ 2) การจัดเวทีไกล่
เกลี่ย 3) การประสานส่งต่อกรณีพิพาท
เงื่อนไขความสาเร็จในการไกล่เกลี่ยที่สาคัญมี 5 เงื่อนไขดังนี้ คือ 1) ความสมัครใจของ
คู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่ทา ให้กระบวนการไกล่เกลี่ยเริ่มต้นขึ้นได้ 2) ต้องมีผู้ไกล่เกลี่ยที่มีความเป็นกลาง
และมีลักษณะของผู้ไกล่เกลี่ยที่ดี 3) การไกล่เกลี่ยที่เกิดขึ้นในบริบทชุมชนหรือพื้นที่ที่มีวัฒนธรรม
ประเพณีในการเคารพผู้ใหญ่ 4) การได้รับการสนับสนุนทั้งความรู้ความร่ วมมือจากคณะ
กรรมการบริหารสานักงานยุติธรรมจังหวัด 5) การเลือกเวทีไกล่เกลี่ยที่มีความเป็นธรรมชาติและ
คู่กรณีคุ้นเคย จะส่งผลให้การไกล่เกลี่ยสามารถดา เนินไปอย่างราบรื่นและสา เร็จได้
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ มี 9 ด้าน ได้แก่ 1) ปัญหาด้านสถานที่ตั้งของสานักงาน
ยุติธรรมจังหวัดยังคงอาศัยในหน่วยงานอื่น จึงควรมีสถานที่เป็นเอกเทศน์และจัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนเพื่ออานวยความสะดวกในการบริการประชาชน 2) ปัญหาด้านการดาเนินงานของ
คณะกรรมการบริหารสานักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคามที่ไม่สามารถบริหารงานได้อย่างเต็มที่
ดงั นั้นควรมีหัวหน้าของสานักงานยุติธรรมจังหวัดโดยตรงไม่ใช้รูปแบบการดึงหัวหน้าจากจาก
หน่วยงานอื่นมารับผิดชอบ 3) ปัญหาด้านบุคลากรที่ขาดความรู้ความสามารถและความขัดแย้งที่เกิด
ในหน่วยงาน คณะกรรมการบริหารสานักงานยุติธรรมจังหวัดต้องเป็ นตัวกลางในการช่วยสร้าง
ความสัมพันธ์และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอยู่เสมอ 4) ปัญหาด้านการประชาสัมพันธ์ที่เป็น
เชิงรับมากกว่าเชิงรุก จึงควรมีการลงพื้นที่ให้ทั่วถึงเพื่อรับฟังปัญหาในชุมชนอื่นๆ 5) ปัญหาของ
การเก็บสถิติการไกล่เกลี่ยที่ไม่มีเครื่องมือมาตรฐานและไม่เห็นความสาคัญของการเก็บสถิติ จึงต้อง
ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมสร้างเครื่องมือและเก็บสถิติเพื่อประโยชน์ในอนาคตต่อไป 6) ปัญหาด้าน
ลกั ษณะผู้ไกล่เกลี่ยที่ความสัมพันธ์ทางสังคมกับคู่กรณีทา ให้เกิดการจา ยอมในการไกล่เกลี่ย ดังนั้น
ต้องให้คู่กรณีมีสิทธิเลือกผู้ไกล่เกลี่ยได้เอง 7) ปัญหาด้านค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์ในการดา เนินการทั้ง
ในส่วนของเจ้าหน้าที่สานักงานยุติธรรมจังหวัดและผู้ไกล่เกลี่ย ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้
การสนับสนุนด้านงบประมาณและคาปรึกษา 8) ปัญหาด้านความร่วมมือจากหน่วยงานที่อยู่ใน
กระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรม
เชิงสมานฉันท์และทัศนคติในแง่ลบต่อกระบวนการไกล่เกลี่ย จึงต้องมีการสร้างความเข้าใจ
ตระหนักถึงข้อดีในการใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยและตระหนักถึงการให้ความร่วมมือทุกรูปแบบ
ประการสุดท้าย 9) ปัญหาจากการไม่ติดตามผลการดาเนินการไกล่เกลี่ยให้แก่ประชาชนกระทั่งต้อง
เข้าสู่กระบวนการฟ้ องร้องเนื่องจากเกิดการผิดสัญญาขึ้น ดังนั้นต้องสร้างความรับผิดชอบให้แก่
เจ้าหน้าที่ทุกระดับในการช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้การไกล่เกลี่ยหรือกระบวนการ
ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์เป็นเพียงการปฏิบัติที่เกิดการสูญงบประมาณของรัฐเพิ่มขึ้น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การบริหารการพัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557