• English
    • ไทย
  • ไทย 
    • English
    • ไทย
  • เข้าสู่ระบบ
ดูรายการข้อมูล 
  •   หน้าแรกของ คลังปัญญา
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะนิติศาสตร์
  • GSL: Theses
  • ดูรายการข้อมูล
  •   หน้าแรกของ คลังปัญญา
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะนิติศาสตร์
  • GSL: Theses
  • ดูรายการข้อมูล
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

เรียกดูข้อมูล

ข้อมูลทั้งหมดของ คลังปัญญาชุมชน & กลุ่มข้อมูลวันที่เผยแพร่ผู้แต่งชื่อเรื่องหัวเรื่องวันที่เพิ่มข้อมูลประเภททรัพยากรกลุ่มข้อมูลนี้วันที่เผยแพร่ผู้แต่งชื่อเรื่องหัวเรื่องวันที่เพิ่มข้อมูลประเภททรัพยากร

บัญชีของฉัน

เข้าสู่ระบบ

ความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาและการตกทอดทรัพย์สินของพระภิกษุ

by จตุรนต์ ชุ่มชุมภู

ชื่อเรื่อง:

ความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาและการตกทอดทรัพย์สินของพระภิกษุ

ชื่อเรื่องอื่นๆ:

The property relations between husband and wife and the devolution of Asset and estate of monk

ผู้แต่ง:

จตุรนต์ ชุ่มชุมภู

ผู้ควบคุมงานวิจัย:

สุนทร มณีสวัสดิ์

ชื่อปริญญา:

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

ระดับปริญญา:

Master's

คณะ/หน่วยงาน:

คณะนิติศาสตร์

หน่วยงานที่ประสาทปริญญา:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

วันที่เผยแพร่:

2557

หน่วยงานที่เผยแพร่:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

บทคัดย่อ/เนื้อเรื่องย่อ:

ความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาจะต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีผลใช้บังคับใน ขณะนั้นซึ่งประมวลกฎหมายที่บัญญัติให้บังคับใช้ในปัจจุบันนั้นคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นเมื่อสมรสถูกต้องตามกฎหมายและถ้าหากภายหลังสามีอุปสมบทเป็นพระภิกษุความสัมพันธ์ทาง ทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาก็ยังคงมีผลบังคับใช้เนื่องจากว่ากฎหมายมิได้บัญญัติให้การสมรสเป็นอัน สิ้นสุดเพราะสามีอุปสมบทจึงมีประเด็นเรื่องการตกทอดทรัพย์สินของพระภิกษุตามมาตรา 1623 โดย วางหลักไว้ว่าทรัพย์สินที่พระภิกษุได้มาในระหว่างอุปสมบทเมื่อภายหลังท่านมรณภาพให้ทรัพย์สินตก เป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลาเนาของพระภิกษุ ดังนั้นทรัพย์สินที่ได้มาภายหลังอุปสมบทนั้นอาจแยก ตามความเป็นจริงนั้นคือได้ทรัพย์สินมาจากการทาบุญตามพระพุทธศาสนาและได้ทรัพย์สินมาโดยไม่ เกี่ยวกับการทาบุญตามพระพุทธศาสนาอย่างเช่นการได้รับมรดกจากบิดามารดาหรือการได้มาโดย เสน่หาโดยได้มาไม่เกี่ยวกับการนับถือเป็นพระภิกษุ และเมื่อภายหลังพระภิกษุมรณภาพนั้นโดยผล กฎหมายปัจจุบันบัญญัติให้ทรัพย์สินดังที่ได้อธิบายมาข้างต้นนี้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลาเนาของ พระภิกษุทั้งหมด ซึ่งประเด็นการตกทอดทรัพย์สินในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนานี้น่าจะไม่เป็น ธรรมกับทายาทโดยธรรมของพระภิกษุที่กฎหมายบัญญัติให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่เกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลาเนาของพระภิกษุตามมาตรา 1623 บทกฎหมาย ดังกล่าวนี้เชื่อว่ามีที่มาจากแนวความคิดในกฎหมายดังเดิมของไทยคือกฎหมายตราสามดวง ดังนั้นจึงต้องศึกษากฎหมายในอดีตคือกฎหมายตราสามดวงที่เกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างสามี ภรรยาในกรณีที่สามีอุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยกฎหมายที่บัญญัติไว้ในประเด็นดังกล่าวนั้นคือ กฎหมายลักษณะผัวเมียซึ่งเป็นหนึ่งในลักษณะกฎหมายตราสามดวงอย่างเช่น กฎหมายลักษณะผัวเมีย ในบทที่ 38 ที่วางหลักให้สินเดิมและสินสมรสตกเป็นของภรรยาและการสมรสเป็นอันสิ้นสุดนับตั้งแต่ สามีได้อุปสมบทแล้ว ซึ่งในประเด็นทรัพย์สินตามกฎหมายลักษณะผัวเมียเกี่ยวกับทรัพย์สินของสามีที่ ได้มาก่อนอุปสมบทนั้นตกเป็นของภรรยาทั้งหมดนับตั้งแต่ได้อุปสมบท และเมื่ออุปสมบทแล้วทรัพย์สิน ที่พระภิกษุได้มาในระหว่างอุปสมบทนั้นโดยผลของกฎหมายนั้นถือว่าเป็นทรัพย์สินของพระภิกษุ โดยเฉพาะและถ้าหากพระภิกษุมรณภาพทรัพย์สินที่ได้มาภายหลังอุปสมบททั้งหมดตกเป็นสมบัติของ วัดที่เป็นภูมิลาเนาของพระภิกษุตามกฎหมายตราสามดวงในลักษณะของกฎหมายลักษณะมรดกในบท ที่ 36 แต่เนื่องจากกฎหมายในปัจจุบันได้นากฎหมายในอดีตมาบังคับใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น ฉะนั้น จึงมีประเด็นที่กฎหมายในปัจจุบันได้วางหลักไว้แตกต่างจากฎหมายในอดีตนั้นคือประเด็นเรื่องการ สิ้นสุดการสมรสและประเด็นเรื่องการตกทอดทรัพย์สินในกรณีที่สามีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแบ่งทรัพย์สินของพระภิกษุในปัจจุบันจึงมีข้อเสนอแนะว่าถ้าหาก ภรรยาไม่ต้องการอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยาก็ควรอ้างเหตุของการฟ้องหย่าได้ตามมาตรา 1516 อนุ (4) ซึ่งเมื่อการสมรสเป็นอันสิ้นสุดก็ต้องแบ่งสินสมรสตามกฎหมาย และในประเด็นการตกทอดทรัพย์สิน ตามมาตรา 1623 นั้นก็ควรต้องแยกทรัพย์สินที่พระภิกษุได้มาระหว่างอุปสมบทว่าเป็นทรัพย์สินที่ ได้มาเนื่องจากความเป็นพระภิกษุที่มีผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาถวายแก่พระในฐานะผู้สืบทอด พระพุทธศาสนาทรัพย์สินในส่วนนี้เท่านั้นที่สมควรตกทอดแก่วัดที่เป็นภูมิลาเนาของพระภิกษุ และ เฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่ได้มาจากความสัมพันธ์ทางเครือญาติเช่นจากการตกทอดมรดกของบิดา มารดาตามมาตรา 1622 หรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยเสน่หาโดยไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเช่น ศาสนิก ชนหรือเครือญาติให้ความเคารพเป็นการส่วนตัวยกทรัพย์สินให้ซึ่งทรัพย์สินในส่วนนี้ก็ควรตกเป็น ทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของพระภิกษุ

รายละเอียดเพิ่มเติม:

วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557

หัวเรื่องมาตรฐาน:

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ -- ทรัพย์สิน
สงฆ์ -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ

ประเภททรัพยากร:

วิทยานิพนธ์

ความยาว:

99 แผ่น

ชนิดของสื่อ:

Text

รูปแบบแฟ้มข้อมูล:

application/pdf

ภาษา:

tha

สิทธิในการใช้งาน:

ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)

URI:

http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3145
แสดงระเบียนรายการแบบเต็ม

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้ (CONTENT)

Thumbnail
ดู
  • b185202.pdf ( 1,443.26 KB )

ทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดในคลังปัญญา ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอนและการค้นคว้าเท่านั้น และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งที่นำไปใช้ ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และทำสำเนาต่อ รวมถึงไม่ให้อนุญาตนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น



This item appears in the following Collection(s)

  • GSL: Theses [187]

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

‹›×