การคาดการณ์ต้นทุนสิ่งแวดล้อมของการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศไทย
Publisher
Issued Date
2013
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
109 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
ba187561
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
เด่นศักดิ์ ยกยอน (2013). การคาดการณ์ต้นทุนสิ่งแวดล้อมของการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3610.
Title
การคาดการณ์ต้นทุนสิ่งแวดล้อมของการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศไทย
Alternative Title(s)
Projections of the environmental cost of economic growth in Thailand
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของประชากรของประเทศไทยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาในขณะที่จำ นวนประชากรเพิ่มขึ้นและผลผลิตมวลรวมในประเทศ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการบริโภคสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นทั้งสินค้าและบริการที่ตอบสนองความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์และสินค้าที่ตอบสนองความต้องการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นตามวิธีชีวิตแบบบริโภคนิยม ผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากการบริโภคเพื่อการดำรงชีพที่เพิ่มขึ้นและรสนิยมที่เปลี่ยนไปทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลง การเปลี่ยนแปลงที่ปรากฎอย่างชัดเจนได้แก่ พื้นที่ป่าไม้ที่ลดน้อยลงการขยายพื้นที่การเกษตรอย่างไม่ยั่งยืน การขุดทรัพยากรแร่ธาตุขึ้นมาใช้จนหมดไป และการปล่อยมลพิษของเสียจนทำให้เกิดปัญหามลพิษอากาศและน้ำเสียประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยมีการนำมาคิดคำนวณและแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
การเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากการที่จำนวนประชากรและรายได้ต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้น การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องเข้าใจถึงต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่เกิดควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้คือการคาดการณ์ต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่เกิดควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อฉายภาพในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ เป็นข้อมูลที่สามารถนาไปพิจารณาทางเลือกในการตัดสินใจและการออกแบบยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อม
เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ในการศึกษานี้ คือ แบบจำลองดุลยภาพทั่วไป และข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ คือ ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตของประเทศไทย โดยทาการวิเคราะห์ภายในขอบเขตของตัวแปรที่ปรับตัวเชื่อมโยงตามความสัมพันธ์ที่กำหนดจากระบบสมการที่แสดงถึงกลไกการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจและการปรับตัวของกลไกตลาด ซึ่งเกิดจากการแข่งขันของอุปสงค์ทรัพยากรที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด ระหว่างกิจการสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมกับกิจการอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ
การศึกษานี้จำลองสถานการณ์และคาดการณ์ในอนาคตพิสัย 30 ปี ผลการคำนวณแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่ได้จากการคำนวณผลผลิตของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมในกรณีอุปทานที่ดินคงที่มีมูลค่า 20,000 ล้านบาทในปี ฐาน และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น45,000 ล้านบาทในปี ที่ 30 ต่ำกว่ากรณีอุปทานที่ดินแปรผันอิสระซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 69,000 ล้านบาท ส่วนต่างระหว่าง 2 กรณีเป็นมูลค่า 24,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35
ต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่ได้จากการคำนวณมูลค่าปัจจัยการผลิตขั้นปฐมของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นจาก 15,000 ล้านบาทในปีฐาน เพิ่มขึ้นเป็น 33,000 ล้านบาท ในกรณีอุปทานที่ดินคงที่ ต่ำกว่าในกรณีอุปทานที่ดินแปรผันอิสระซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาทในปีที่ 30 หรือมีส่วนต่าง 17,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 วิถีการเติบโตของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมในกรณีอุปทานที่ดินแปรผันอิสระ เติบโตในอัตราร้อยละ 344 สูงกว่าในกรณีอุปทานที่ดินคงที่ ซึ่งเติบโตในอัตราร้อยละ 223 หรือมีส่วนต่างร้อยละ 121
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของการศึกษานี้ สามารถนำมาพิจารณาใน 2 ประการ ได้แก่ประการแรก ต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงความจำเป็นในการลงทุนของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมที่ต้องเพิ่มขึ้น ประการที่ 2 อุปทานทรัพยากรที่ดินที่จำกัด ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีขีดจำกัด ผลการศึกษานี้สามารถนา ไปเป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์การจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เนื่องจากราคาค่าบริการสุขาภิบาลและบริการสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นจะกดดันให้มีปัญหาการหลีกเลี่ยงภาระตามข้อบังคับและกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาครัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดมากขึ้น
การเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากการที่จำนวนประชากรและรายได้ต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้น การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องเข้าใจถึงต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่เกิดควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้คือการคาดการณ์ต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่เกิดควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อฉายภาพในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ เป็นข้อมูลที่สามารถนาไปพิจารณาทางเลือกในการตัดสินใจและการออกแบบยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อม
เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ในการศึกษานี้ คือ แบบจำลองดุลยภาพทั่วไป และข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ คือ ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตของประเทศไทย โดยทาการวิเคราะห์ภายในขอบเขตของตัวแปรที่ปรับตัวเชื่อมโยงตามความสัมพันธ์ที่กำหนดจากระบบสมการที่แสดงถึงกลไกการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจและการปรับตัวของกลไกตลาด ซึ่งเกิดจากการแข่งขันของอุปสงค์ทรัพยากรที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด ระหว่างกิจการสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมกับกิจการอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ
การศึกษานี้จำลองสถานการณ์และคาดการณ์ในอนาคตพิสัย 30 ปี ผลการคำนวณแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่ได้จากการคำนวณผลผลิตของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมในกรณีอุปทานที่ดินคงที่มีมูลค่า 20,000 ล้านบาทในปี ฐาน และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น45,000 ล้านบาทในปี ที่ 30 ต่ำกว่ากรณีอุปทานที่ดินแปรผันอิสระซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 69,000 ล้านบาท ส่วนต่างระหว่าง 2 กรณีเป็นมูลค่า 24,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35
ต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่ได้จากการคำนวณมูลค่าปัจจัยการผลิตขั้นปฐมของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นจาก 15,000 ล้านบาทในปีฐาน เพิ่มขึ้นเป็น 33,000 ล้านบาท ในกรณีอุปทานที่ดินคงที่ ต่ำกว่าในกรณีอุปทานที่ดินแปรผันอิสระซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาทในปีที่ 30 หรือมีส่วนต่าง 17,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 วิถีการเติบโตของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมในกรณีอุปทานที่ดินแปรผันอิสระ เติบโตในอัตราร้อยละ 344 สูงกว่าในกรณีอุปทานที่ดินคงที่ ซึ่งเติบโตในอัตราร้อยละ 223 หรือมีส่วนต่างร้อยละ 121
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของการศึกษานี้ สามารถนำมาพิจารณาใน 2 ประการ ได้แก่ประการแรก ต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงความจำเป็นในการลงทุนของสาขาสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมที่ต้องเพิ่มขึ้น ประการที่ 2 อุปทานทรัพยากรที่ดินที่จำกัด ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีขีดจำกัด ผลการศึกษานี้สามารถนา ไปเป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์การจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เนื่องจากราคาค่าบริการสุขาภิบาลและบริการสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นจะกดดันให้มีปัญหาการหลีกเลี่ยงภาระตามข้อบังคับและกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาครัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดมากขึ้น
Table of contents
Description
ดุษฎีนิพนธ์ (ปร.ด. (การจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2556.