• English
    • ไทย
  • English 
    • English
    • ไทย
  • Login
View Item 
  •   Wisdom Repository Home
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร
  • GSSDE: Dissertations
  • View Item
  •   Wisdom Repository Home
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร
  • GSSDE: Dissertations
  • View Item
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

Browse

All of Wisdom RepositoryCommunities & CollectionsBy Issue DateAuthorsTitlesSubjectsBy Submit DateResource TypesThis CollectionBy Issue DateAuthorsTitlesSubjectsBy Submit DateResource Types

My Account

Login

การวิจัยเพื่อพัฒนาและประเมินเครื่องมือวัดพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างบุคคลใน Facebook และสถานการณ์จริงของนักศึกษาปริญญาตรีและความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด

by อนันต์ แย้มเยื้อน

Title:

การวิจัยเพื่อพัฒนาและประเมินเครื่องมือวัดพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างบุคคลใน Facebook และสถานการณ์จริงของนักศึกษาปริญญาตรีและความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด

Other title(s):

Research for development and validation of Facebook interpersonal safety behavior and real situation scales of undergraduate students and measurement invariance

Author(s):

อนันต์ แย้มเยื้อน

Advisor:

ดุจเดือน พันธุมนาวิน

Degree name:

ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Degree level:

Doctoral

Degree discipline:

การจัดการสิ่งแวดล้อม

Degree department:

คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม

Degree grantor:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Issued date:

2014

Publisher:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Abstract:

งานวิจัยนี้จึงเป็นงานวิจัยเพื่อพัฒนาแบบวัดพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างบุคคล โดยได้ทำการสร้างแบบวัดจำนวน 2 แบบวัด ได้แก่ 1) แบบวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัยและ 2) แบบวัดพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัย โดยจะมีการสร้างและพัฒนาแบบวัดด้วยการการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสารวจ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน การประเมินความตรง(Validity) ของแบบวัด และการวิเคราะห์ความไม่แปรเปลี่ยน (Measurement Invariance)
งานวิจัยเรื่องนี้เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาและประเมินเครื่องมือวัดพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างบุคคลใน Facebook และสถานการณ์จริงของนักศึกษาปริญญาตรีและความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด ทำการสุ่มแบบแบ่งขั้นกำหนดโควต้า (Multistage Quota Random Sampling) กลุ่มตัวอย่างเพื่อนำมาทำการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis) โดยมีจำนวนของมหาวิทยาลัย 3 แห่ง เก็บข้อมูลมาได้ทั้งสิ้น 500 คน โดยแบ่งเป็น สายวิทยาศาสตร์จำนวน 243 คน (48.60%) สังคมศาสตร์ จำนวน 257 (51.40%) ชั้นปีที่ 3 จำนวน 272 คน (54.40%) ชั้นปีที่ 4 จำนวน 228 คน (45.60%) และเพศชาย จำนวน 181 คน (36.20%) เพศหญิง จำนวน 319 คน (63.80%) กลุ่มตัวอย่างเพื่อนำมาทำการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis) และทำการศึกษาความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดจำนวนมหาวิทยาลัย 3 แห่ง เก็บข้อมูลมาได้ทั้งสิ้น 600 คน สายวิทยาศาสตร์ จำนวน 300 คน (50.00%)สังคมศาสตร์ จำนวน 300 (50.00%) ชั้นปีที่ 3 จำนวน 320 คน (53.30%) ชั้นปีที่ 4 จำนวน 280 คน (46.70%) และเพศชาย จำนวน 171 คน (28.50%) เพศหญิง จำนวน 429 คน (71.50%) แบบวัดที่สร้างขึ้นมีทั้งสิ้น 2 แบบวัด ได้แก่ แบบวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัย และพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัย
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปได้ 4 ประการ ดังนี้ ประการแรก แบบวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัย และแบบวัดพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัย ถูกสร้างขึ้นจำนวน 60 ข้อ และถูกคัดเลือกโดยผู้ทรงคุณวุฒิให้เลือก 46 ข้อ และ 52 ข้อ ตามลำดับ เมื่อทำการวิเคราะห์คุณภาพรายข้อในแต่ละแบบวัดด้วยการหาค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (t-ratio) และ ค่า Item-total Correlation ปรากฏว่า แบบวัดทั้งสองมีข้อที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 25 ข้อเท่ากัน ประการที่สอง สำหรับแบบวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัยข้อที่ผ่านเกณฑ์ทั้ง 25 ข้อนี้ถูกนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ ทำให้พบองค์ประกอบหลัก 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การป้องกันตัว จำนวน 3 ข้อ 2) การหลีกเลี่ยงการโพสต์ข่าวหรือเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม จำนวน 3 ข้อ 3) การตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จัก จำนวน 3 ข้อ และ 4) ไม่ระมัดระวังว่าจะเกิดความเสียหายต่อตนเอง จำนวน 3 ข้อ รวม ทั้งสิ้น 12 ข้อ ซึ่งสามารถอธิบายความแปรปรวนได้ 61.28% เมื่อทาการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สอง ปรากฏว่าโมเดลกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และพบว่าแบบวัดนี้มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.812 ผลการวิเคราะห์ความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดล ปรากฏโดยสรุปว่า ไม่พบว่าความแปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัยในเชิงรูปแบบโมเดล(Form) ตามเกรดเฉลี่ย สายการเรียน การศึกษาบิดา และการศึกษามารดา ยกเว้น เพศของนักศึกษาที่มีความแปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัย และพบว่ามีความแปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัยในน้าหนักองค์ประกอบ(LY) ตามสายการเรียน และเพศของนักศึกษา ประการที่สาม สาหรับแบบวัดพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัยข้อที่ผ่านเกณฑ์ทั้ง 25 ข้อนี้ถูกนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ ทาให้พบองค์ประกอบหลัก 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การกระทำตามเพื่อน จำนวน 4 ข้อ 2) การขับขี่อย่าง ปลอดภัย จำนวน 4 ข้อ 3) การตักเตือนซึ่งกันและกัน จำนวน 3 ข้อ และ 4) การรักษาความสะอาด จำนวน 3 ข้อ รวมทั้งสิ้น 14 ข้อ ซึ่งสามารถอธิบายความแปรปรวนได้ 57.49% เมื่อทำการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สอง ปรากฏว่าโมเดลกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และพบว่าแบบวัดนี้มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.835 ผลการวิเคราะห์ความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดล ปรากฏโดยสรุปว่า ไม่พบความแปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัยในเชิงรูปแบบโมเดล(Form) และน้าหนักองค์ประกอบ (LY) ตามเกรดเฉลี่ย สายการเรียน การศึกษามารดา เพศ และพบอีกว่ามีความแปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัยในเชิงรูปแบบโมเดล(Form) และน้ำหนักองค์ประกอบ (LY) ตามการศึกษาของบิดา และประการที่สี่ แบบวัดพฤติกรรมการคบเพื่อนอย่างปลอดภัย มีความสัมพันธ์ทางบวกกับแบบวัดพฤติกรรมการใช้ Facebook อย่างปลอดภัย (r=0.41) มากกว่า มีความสัมพันธ์ทางบวกกับแบบวัดพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ต(r=0.33) ซึ่งสนับสนุนสมมติฐาน แต่มีความสัมพันธ์ทางบวกน้อยกว่าแบบวัดพฤติกรรมการสุขภาพ(r=0.61) ซึ่งปฏิเสธสมมติฐาน
ผลการวิจัยนี้เป็นงานวิจัยชิ้นแรกๆ ทางด้านการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างบุคคล ตลอดจนมีการวิเคราะห์ความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดด้วย ทำให้นักวิจัยสามารถนำแบบวัดเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างมั่นใจในอนาคตในเชิงวิจัย ความสัมพันธ์เปรียบเทียบ และการวิจัยเชิงทดลอง รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในการคัดกรองนักศึกษาปริญญาตรีในการคัดเลือกเข้าสู่กลุ่มการจัดการพัฒนาได้อีกด้วย

Description:

ดุษฎีนิพนธ์ (ปร.ด. (การจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557

Subject(s):

ความปลอดภัย

Keyword(s):

แบบวัดพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างบุคคล

Resource type:

ดุษฎีนิพนธ์

Extent:

490 แผ่น

Type:

Text

File type:

application/pdf

Language:

tha

Rights:

ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)

URI:

http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3613
Show full item record

Files in this item (CONTENT)

Thumbnail
View
  • ba187607.pdf ( 4,126.76 KB )

ทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดในคลังปัญญา ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอนและการค้นคว้าเท่านั้น และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งที่นำไปใช้ ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และทำสำเนาต่อ รวมถึงไม่ให้อนุญาตนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น



This item appears in the following Collection(s)

  • GSSDE: Dissertations [59]

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

‹›×