การศึกษาเชิงเปรียบเทียบปัญหาทางกฎหมายในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์
Files
Publisher
Issued Date
2015
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
145 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b190055
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ธนกฤต กุศลสมบูรณ์ (2015). การศึกษาเชิงเปรียบเทียบปัญหาทางกฎหมายในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4250.
Title
การศึกษาเชิงเปรียบเทียบปัญหาทางกฎหมายในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์
Alternative Title(s)
The comparative study in the law problem of the health insurance system between Thailand and Singapore
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการศึกษาเชิงเปรียบเทียบในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์ผู้เขียนได้ทำการศึกษาถึงปัญหาในด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและสิงคโปร์ รวมทั้งได้ศึกษาเกี่ยวกับระบบการให้การบริการทางการแพทย์ นโยบายสุขภาพ และระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงนโยบายสุขภาพตามกติกาข้อตกลงร่วมมือกันของกฎบัตรสุขภาพระหว่างประเทศในอาเซียน(ASEAN Health Charter)องค์การอนามัยโลก(WHO)ธนาคารโลก(World Bank) และข้อมูลจาก UNDP Human Development Report 2010 รวมถึงการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงและวิเคราะห์ความแตกต่างของนโยบายสุขภาพ รวมถึงหลักกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวกับการให้การบริการทางแพทย์ เช่น พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ พ.ศ.2550กฎกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2552พระราชบัญญัติกองทุนต่างๆ ของสิงคโปร์ เช่น ซีพีเอฟฟันด์(CPF Fund Act)เมดิเซฟ(Medisave)เมดิชีลด์(Medishield)เอลเดอชีลด์(Eldershield)ต่างๆ พระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ กฎกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนโยบายสุขภาพแห่งชาติของประเทศสิงคโปร์ภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC Blueprint) ที่ได้มีการเปิดเจรจา 5 สาขาใน 8 วิชาชีพรวมทั้งด้านสุขภาพ เช่น การแพทย์ การพยาบาล และทันตแพทย์ ตามข้อตกลงวิชาชีพร่วมกัน(Mutual Recognition Arrangement: MRA)
จากการศึกษาระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยพบว่าไทยเรามีอยู่หลายระบบด้วยกันและมีปัญหาแตกต่างกันไปโดยเฉพาะในกฎหมายพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคที่ยังไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติแห่งความเป็นจริงส่งผลให้งบประมาณไม่พอใช้ต่อความต้องการของประชาชนอีกทั้งยังมีปัญหาในการรอคอยนานเนื่องจากเน้นไปในทางปริมาณแต่ไม่ใช่คุณภาพ รวมทั้งยังขาดแคลนบุคคลากรในการให้บริการทางการแพทย์ ส่วนในภาคเอกชนนั้นมีปัญหาในเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลแพงเกินความเป็นจริงซึ่งทำให้ประชาชนระดับกลางถึงยากจนไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้ เนื่องจากขาดการควบคุมโดยมาตรฐานราคากลางในการรักษา
ในระบบประกันสุขภาพของประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นแบบระบบคู่ (Dual System) โดยรัฐบาลสิงคโปร์ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นบางส่วนตามระดับรายได้ของประชาชน อีกทั้งประชาชนยังต้องจ่ายค่ารักษาเองในบางส่วนร่วมกัน โดยรัฐบาลสิงคโปร์จะเน้นให้ประชาชนพึ่งพาตนเองเป็นหลัก โดยกำหนดให้ประชาชนสมัครเข้าโครงการกองทุนสุขภาพต่างๆ เช่นกองทุนซีพีเอฟ กองทุนเมดิเซฟ กองทุนเมดิฟันด์ กองทุนเมดิชีลด์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนสามารถเป็นสมาชิกในโครงการต่างๆ ได้แบบไม่จำกัดจำนวนแต่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนของการเป็นสมาชิกในการสมัครด้วย
นอกจากนี้ในกฎบัตรสุขภาพระหว่างประเทศอาเซียน จะเน้นไปในเรื่องการป้องกัน การควบคุม และกำจัดโรคติดต่อรวมถึงโรคระบาดต่างๆร่วมกันเพื่อให้ประชาคมอาเซียนมีสุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงความมั่นคงของชีวิตที่ดีร่วมกัน ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเสนอแนะในการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมสุขภาพระหว่างประเทศหรือธรรมนูญสุขภาพอาเซียนหรือกฎบัตรสุขภาพอาเซียน (ASEAN Health Charter)ออกมาใช้ร่วมกัน อีกทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมสุขภาพร่วมกันภายในประเทศ และปฎิรูประบบประกันสุขภาพรวมทั้งกำหนดราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เป็นมาตรฐานกลางออกมาใช้ร่วมกัน
นอกจากนี้ในกฎบัตรสุขภาพระหว่างประเทศอาเซียน จะเน้นไปในเรื่องการป้องกัน การควบคุม และกำจัดโรคติดต่อรวมถึงโรคระบาดต่างๆร่วมกันเพื่อให้ประชาคมอาเซียนมีสุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงความมั่นคงของชีวิตที่ดีร่วมกัน ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเสนอแนะในการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมสุขภาพระหว่างประเทศหรือธรรมนูญสุขภาพอาเซียนหรือกฎบัตรสุขภาพอาเซียน (ASEAN Health Charter)ออกมาใช้ร่วมกัน อีกทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมสุขภาพร่วมกันภายในประเทศ และปฎิรูประบบประกันสุขภาพรวมทั้งกำหนดราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เป็นมาตรฐานกลางออกมาใช้ร่วมกัน
จากการศึกษาระบบประกันสุขภาพของประเทศไทยพบว่าไทยเรามีอยู่หลายระบบด้วยกันและมีปัญหาแตกต่างกันไปโดยเฉพาะในกฎหมายพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคที่ยังไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติแห่งความเป็นจริงส่งผลให้งบประมาณไม่พอใช้ต่อความต้องการของประชาชนอีกทั้งยังมีปัญหาในการรอคอยนานเนื่องจากเน้นไปในทางปริมาณแต่ไม่ใช่คุณภาพ รวมทั้งยังขาดแคลนบุคคลากรในการให้บริการทางการแพทย์ ส่วนในภาคเอกชนนั้นมีปัญหาในเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลแพงเกินความเป็นจริงซึ่งทำให้ประชาชนระดับกลางถึงยากจนไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้ เนื่องจากขาดการควบคุมโดยมาตรฐานราคากลางในการรักษา
ในระบบประกันสุขภาพของประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นแบบระบบคู่ (Dual System) โดยรัฐบาลสิงคโปร์ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นบางส่วนตามระดับรายได้ของประชาชน อีกทั้งประชาชนยังต้องจ่ายค่ารักษาเองในบางส่วนร่วมกัน โดยรัฐบาลสิงคโปร์จะเน้นให้ประชาชนพึ่งพาตนเองเป็นหลัก โดยกำหนดให้ประชาชนสมัครเข้าโครงการกองทุนสุขภาพต่างๆ เช่นกองทุนซีพีเอฟ กองทุนเมดิเซฟ กองทุนเมดิฟันด์ กองทุนเมดิชีลด์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนสามารถเป็นสมาชิกในโครงการต่างๆ ได้แบบไม่จำกัดจำนวนแต่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนของการเป็นสมาชิกในการสมัครด้วย
นอกจากนี้ในกฎบัตรสุขภาพระหว่างประเทศอาเซียน จะเน้นไปในเรื่องการป้องกัน การควบคุม และกำจัดโรคติดต่อรวมถึงโรคระบาดต่างๆร่วมกันเพื่อให้ประชาคมอาเซียนมีสุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงความมั่นคงของชีวิตที่ดีร่วมกัน ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเสนอแนะในการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมสุขภาพระหว่างประเทศหรือธรรมนูญสุขภาพอาเซียนหรือกฎบัตรสุขภาพอาเซียน (ASEAN Health Charter)ออกมาใช้ร่วมกัน อีกทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมสุขภาพร่วมกันภายในประเทศ และปฎิรูประบบประกันสุขภาพรวมทั้งกำหนดราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เป็นมาตรฐานกลางออกมาใช้ร่วมกัน
นอกจากนี้ในกฎบัตรสุขภาพระหว่างประเทศอาเซียน จะเน้นไปในเรื่องการป้องกัน การควบคุม และกำจัดโรคติดต่อรวมถึงโรคระบาดต่างๆร่วมกันเพื่อให้ประชาคมอาเซียนมีสุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงความมั่นคงของชีวิตที่ดีร่วมกัน ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเสนอแนะในการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมสุขภาพระหว่างประเทศหรือธรรมนูญสุขภาพอาเซียนหรือกฎบัตรสุขภาพอาเซียน (ASEAN Health Charter)ออกมาใช้ร่วมกัน อีกทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมสุขภาพร่วมกันภายในประเทศ และปฎิรูประบบประกันสุขภาพรวมทั้งกำหนดราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เป็นมาตรฐานกลางออกมาใช้ร่วมกัน
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558