การศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัด: กรณีศึกษา สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสงคราม
Files
Publisher
Issued Date
2014
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
229 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b190490
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
นุชชา ดอกตาลยงค์ (2014). การศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัด: กรณีศึกษา สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสงคราม. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4432.
Title
การศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัด: กรณีศึกษา สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสงคราม
Alternative Title(s)
A comparative study of the matrix and new forms of Provincial Justice Offices : a case study of Nakhon Pathom Province and Samut Songkhram Province
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาถึงการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่อยู่ในโครงการนำร่องและสำนักงานยุติธรรมจังหวัดแบบเมตริกซ์ 2) ศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่อยู่ในโครงการนำร่องและสำนักงานยุติธรรมจังหวัดแบบเมตริกซ์ และ 3) ศึกษาปัญหา อุปสรรคและแนวทางการส่งเสริมการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดให้มีประสิทธิผล วิธีการศึกษาใช้แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและการสังเกตพฤติกรรม ผู้ศึกษาได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่ได้จากเอกสารและรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์รายบุคคลรวมทั้งสิ้น 17 คน
ผลการศึกษา พบว่า การเปรียบเทียบการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่อยู่ในโครงการนำร่องและสำนักงานยุติธรรมจังหวัดแบบเมตริกซ์ ด้านการวางแผน 1) ทั้ง 2 จังหวัดได้รับแผนในการปฏิบัติงานมาจากแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของทางกระทรวงยุติธรรมและแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทำให้เกิดความคล้ายคลึงกันในด้านการวางแผนการทำงาน 2) โครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะทำให้คนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด 3) มีการวิเคราะห์SWOT โดยต่างก็วิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและอุปสรรค สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่มีผลต่อสำนักงานฯ และต่างก็ปรับสิ่งที่ได้จากการวิเคราะห์มาปรับใช้กับสำนักงานของตน 4) มีการบูรณาการในการทำงานร่วมกันของ สยจ.และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯที่อยู่ในพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อทำให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของเจ้าหน้าที่ 5) จำนวนงบประมาณที่ทั้ง 2 ที่ได้รับส่งผลโดยตรงกับโครงการตามแผนที่ได้กำหนดไว้ โดยงบประมาณจะเป็นตัวกำหนดปริมาณของโครงการและความเล็กใหญ่ของโครงการ ทำให้ สยจ.สมุทรสงครามจะถูกจำกัดโดยงบประมาณที่ได้รับที่มีจำนวนที่น้อย 6) มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการทำงาน รวมถึงค่านิยมร่วมมีความต่างกันขึ้นอยู่การพิจารณาของแต่ละ สยจ.เพื่อทำให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ด้านการจัดองค์การ 1) เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับ สยจ.จะเป็นการจ้างแบบการจ้างเหมา และลูกจ้างชั่วคราว 2) มีการตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเพื่อควบคุม ดูแล การทำงานของ สยจ. 3) สยจ.นครปฐมเป็นแบบนำร่อง โดยทางกระทรวงฯได้มีการปรับบทบาทของตำแหน่งประธานกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัด (ประธาน กยจ.)แยกออกมาจากตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานยุติธรรม (หัวหน้า สยจ.) เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ในส่วนของ สยจ.สมุทรสงครามเป็นการจัดโครงสร้างแบบดั่งเดิมดังนั้นจะบริหารในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรม (กยจ.) โดยที่ประธานกรรมการจะพ่วงตำแหน่งยุติธรรมจังหวัดด้วย ด้านการควบคุม 1) สยจ.นครปฐมจะมีตัวชี้วัดในการทำงานที่ชัดเจนซึ่งมาจากกระทรวงฯ โดยมีด้วยกันทั้งหมด 10 ตัวชี้วัดซึ่งทาง สยจ.สมุทรสงครามไม่มีตัวชี้วัดดังกล่าว 2) สยจ.นครปฐมมีการประเมินผลงานของบุคลากรภายในที่มีความชัดเจน โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ด้านการนำ 1) การเน้นความสัมพันธ์ในที่ทำงานแบบไม่เป็นทางการ เน้นที่ความสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมของบุคลากรภายในและบุคลากรที่ในสังกัดกระทรวงฯ 2) ความแตกต่างในอำนาจในการจัดการสำนักงานฯ ผู้บริหารสยจ.นครปฐมมีอำนาจในการควบคุมดูแล ตัดสินใจทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สยจ.ได้ทั้งหมดเป็นอำนาจในการบริหารที่แท้จริง แต่ในส่วนของสมุทรสงครามในการดำเนินการจะต้องผ่านคณะกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั้งหมดทำให้ผู้บริหารไม่มีอำนาจที่แท้จริงในการบริหาร สยจ.
ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น 1) บุคลากรไม่เพียงพอต่องานที่ได้รับ 2) การไม่มีกฎหมายมารองรับของสำนักงานฯและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างสมบูรณ์ 3) การลงพื้นที่ในการสร้างเครือข่ายชุมชนไม่ได้รับความร่วมมือมากนักจากคนในพื้นที่ในการสร้างเครือข่าย 4) บุคลากรของสำนักงานฯยังขาดความเชี่ยวชาญในงานที่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษา 1) ควรพิจารณาเบี้ยเลี้ยงหรือตัวช่วยเสริมการทำงานให้กับคนที่มาปฏิบัติงานกับทางสำนักงานฯในด้านการสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชน 2) ควรมีการวางแผนการบริหารจัดการและการกำหนดตัวชี้วัดให้กับสำนักงาน/บุคลากร ในการประเมินการทำงาน
ผลการศึกษา พบว่า การเปรียบเทียบการบริหารจัดการของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่อยู่ในโครงการนำร่องและสำนักงานยุติธรรมจังหวัดแบบเมตริกซ์ ด้านการวางแผน 1) ทั้ง 2 จังหวัดได้รับแผนในการปฏิบัติงานมาจากแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของทางกระทรวงยุติธรรมและแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทำให้เกิดความคล้ายคลึงกันในด้านการวางแผนการทำงาน 2) โครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะทำให้คนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด 3) มีการวิเคราะห์SWOT โดยต่างก็วิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและอุปสรรค สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่มีผลต่อสำนักงานฯ และต่างก็ปรับสิ่งที่ได้จากการวิเคราะห์มาปรับใช้กับสำนักงานของตน 4) มีการบูรณาการในการทำงานร่วมกันของ สยจ.และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯที่อยู่ในพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อทำให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของเจ้าหน้าที่ 5) จำนวนงบประมาณที่ทั้ง 2 ที่ได้รับส่งผลโดยตรงกับโครงการตามแผนที่ได้กำหนดไว้ โดยงบประมาณจะเป็นตัวกำหนดปริมาณของโครงการและความเล็กใหญ่ของโครงการ ทำให้ สยจ.สมุทรสงครามจะถูกจำกัดโดยงบประมาณที่ได้รับที่มีจำนวนที่น้อย 6) มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการทำงาน รวมถึงค่านิยมร่วมมีความต่างกันขึ้นอยู่การพิจารณาของแต่ละ สยจ.เพื่อทำให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ด้านการจัดองค์การ 1) เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับ สยจ.จะเป็นการจ้างแบบการจ้างเหมา และลูกจ้างชั่วคราว 2) มีการตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเพื่อควบคุม ดูแล การทำงานของ สยจ. 3) สยจ.นครปฐมเป็นแบบนำร่อง โดยทางกระทรวงฯได้มีการปรับบทบาทของตำแหน่งประธานกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัด (ประธาน กยจ.)แยกออกมาจากตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานยุติธรรม (หัวหน้า สยจ.) เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ในส่วนของ สยจ.สมุทรสงครามเป็นการจัดโครงสร้างแบบดั่งเดิมดังนั้นจะบริหารในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรม (กยจ.) โดยที่ประธานกรรมการจะพ่วงตำแหน่งยุติธรรมจังหวัดด้วย ด้านการควบคุม 1) สยจ.นครปฐมจะมีตัวชี้วัดในการทำงานที่ชัดเจนซึ่งมาจากกระทรวงฯ โดยมีด้วยกันทั้งหมด 10 ตัวชี้วัดซึ่งทาง สยจ.สมุทรสงครามไม่มีตัวชี้วัดดังกล่าว 2) สยจ.นครปฐมมีการประเมินผลงานของบุคลากรภายในที่มีความชัดเจน โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ด้านการนำ 1) การเน้นความสัมพันธ์ในที่ทำงานแบบไม่เป็นทางการ เน้นที่ความสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมของบุคลากรภายในและบุคลากรที่ในสังกัดกระทรวงฯ 2) ความแตกต่างในอำนาจในการจัดการสำนักงานฯ ผู้บริหารสยจ.นครปฐมมีอำนาจในการควบคุมดูแล ตัดสินใจทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สยจ.ได้ทั้งหมดเป็นอำนาจในการบริหารที่แท้จริง แต่ในส่วนของสมุทรสงครามในการดำเนินการจะต้องผ่านคณะกรรมการบริหารสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั้งหมดทำให้ผู้บริหารไม่มีอำนาจที่แท้จริงในการบริหาร สยจ.
ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น 1) บุคลากรไม่เพียงพอต่องานที่ได้รับ 2) การไม่มีกฎหมายมารองรับของสำนักงานฯและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างสมบูรณ์ 3) การลงพื้นที่ในการสร้างเครือข่ายชุมชนไม่ได้รับความร่วมมือมากนักจากคนในพื้นที่ในการสร้างเครือข่าย 4) บุคลากรของสำนักงานฯยังขาดความเชี่ยวชาญในงานที่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษา 1) ควรพิจารณาเบี้ยเลี้ยงหรือตัวช่วยเสริมการทำงานให้กับคนที่มาปฏิบัติงานกับทางสำนักงานฯในด้านการสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชน 2) ควรมีการวางแผนการบริหารจัดการและการกำหนดตัวชี้วัดให้กับสำนักงาน/บุคลากร ในการประเมินการทำงาน
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การบริหารการพัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557