การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ามกลางการแข่งขันในระบบตลาดเสรี : กรณีศึกษางานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัว ตำบลนาเรือง อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี
Files
Publisher
Issued Date
2015
Issued Date (B.E.)
2558
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
163 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b190498
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
พระสมัคร สิริปญฺโญ (วงศ์ประเทศ) (2015). การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ามกลางการแข่งขันในระบบตลาดเสรี : กรณีศึกษางานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัว ตำบลนาเรือง อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4452.
Title
การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ามกลางการแข่งขันในระบบตลาดเสรี : กรณีศึกษางานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัว ตำบลนาเรือง อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี
Alternative Title(s)
Resilience of local wisdom amidst competition in the free market system: a case study of Kaab Bua women weaving group in Naa Reuang sub-district, Na Yea District, Ubon Ratchathani Province
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาภูมิหลังความเป็นมาและองค์ประกอบของภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัว 2) ศึกษาการดำรงอยู่และเงื่อนไขการดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวท่ามกลางการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดในปัจจุบัน 3) วิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตของการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัว
ผลการศึกษาพบว่า
1) งานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทอผ้าที่มีมายาวนาน ซึ่งพบในหลายชุมชนในจังหวัดอุบลราชธานี การทอผ้าในอดีตใช้ฝ้ายและเส้นไหมที่คนในท้องถิ่นผลิตขึ้นมาเอง และทำการทอด้วยกี่พื้นเมืองที่ชาวบ้านผลิตส่วนประกอบด้วยตนเอง ด้วยลักษณะของผ้าทอที่มีลวดลายละเอียดสวยงาม คล้ายกับลายของกาบบัว จึงได้รับการขนานนามในเวลาต่อมาว่า “ผ้ากาบบัว” ในอดีตคนในท้องถิ่นใช้ผ้ากาบบัวทั้งสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ในงานประเพณีต่างๆ และมอบเป็นของขวัญพิเศษให้กับแขกผู้มาเยี่ยมเยียน
2) การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวท่ามกลางแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด เกี่ยวข้องกับความพยายามในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากผ้าทอในวิถีชีวิต ควบคู่ไปกับการปรับตัวในกระบวนการผลิตและวัตถุประสงค์ของการผลิตเป็นสำคัญ อีกทั้งยังมีการรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มสตรีทอผ้าเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้มีการผลิตอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากพอที่จะจำหน่ายเป็นรายได้เสริม นอกจากนี้ ยังมีความพยายามการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นการทอผ้าสู่รุ่นหลังทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน
3) แนวโน้มการพัฒนาของงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวในอนาคต มีความเกี่ยวข้องกับทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ผลิต แหล่งวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอ รายได้จากการทอผ้า ความนิยมในการใช้ผ้ากาบบัวในชุมชน ความสนใจงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวของคนรุ่นหลัง สำหรับปัจจัยภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ ความต้องการสินค้าของผู้บริโภคภายนอกชุมชนที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และการสนับสนุนของภาคเอกชน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัยนี้ 1) สถาบันการศึกษาควรส่งเสริมการจัดทำหลักสูตรภูมิปัญญาท้องถิ่นผ้ากาบบัว เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้อย่างเป็ นระบบขึ้นอันจะช่วยให้การสืบทอดภูมิปัญญานี้เป็นไปอย่างมีรูปธรรมยิ่งขึ้น 2) หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนให้มีการจัดการความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และ 3) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรหาแนวทางในการปรับราคาผ้ากาบบัวของชาวบ้านให้สูงขึ้น เพื่อยกระดับรายได้ของผู้ทอให้ดีขึ้น
ผลการศึกษาพบว่า
1) งานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทอผ้าที่มีมายาวนาน ซึ่งพบในหลายชุมชนในจังหวัดอุบลราชธานี การทอผ้าในอดีตใช้ฝ้ายและเส้นไหมที่คนในท้องถิ่นผลิตขึ้นมาเอง และทำการทอด้วยกี่พื้นเมืองที่ชาวบ้านผลิตส่วนประกอบด้วยตนเอง ด้วยลักษณะของผ้าทอที่มีลวดลายละเอียดสวยงาม คล้ายกับลายของกาบบัว จึงได้รับการขนานนามในเวลาต่อมาว่า “ผ้ากาบบัว” ในอดีตคนในท้องถิ่นใช้ผ้ากาบบัวทั้งสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ในงานประเพณีต่างๆ และมอบเป็นของขวัญพิเศษให้กับแขกผู้มาเยี่ยมเยียน
2) การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวท่ามกลางแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด เกี่ยวข้องกับความพยายามในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากผ้าทอในวิถีชีวิต ควบคู่ไปกับการปรับตัวในกระบวนการผลิตและวัตถุประสงค์ของการผลิตเป็นสำคัญ อีกทั้งยังมีการรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มสตรีทอผ้าเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้มีการผลิตอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากพอที่จะจำหน่ายเป็นรายได้เสริม นอกจากนี้ ยังมีความพยายามการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นการทอผ้าสู่รุ่นหลังทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน
3) แนวโน้มการพัฒนาของงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวในอนาคต มีความเกี่ยวข้องกับทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ผลิต แหล่งวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอ รายได้จากการทอผ้า ความนิยมในการใช้ผ้ากาบบัวในชุมชน ความสนใจงานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัวของคนรุ่นหลัง สำหรับปัจจัยภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ ความต้องการสินค้าของผู้บริโภคภายนอกชุมชนที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และการสนับสนุนของภาคเอกชน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัยนี้ 1) สถาบันการศึกษาควรส่งเสริมการจัดทำหลักสูตรภูมิปัญญาท้องถิ่นผ้ากาบบัว เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้อย่างเป็ นระบบขึ้นอันจะช่วยให้การสืบทอดภูมิปัญญานี้เป็นไปอย่างมีรูปธรรมยิ่งขึ้น 2) หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนให้มีการจัดการความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และ 3) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรหาแนวทางในการปรับราคาผ้ากาบบัวของชาวบ้านให้สูงขึ้น เพื่อยกระดับรายได้ของผู้ทอให้ดีขึ้น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การบริหารการพัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558