• English
    • ไทย
  • English 
    • English
    • ไทย
  • Login
View Item 
  •   Wisdom Repository Home
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ
  • GSDE: Theses
  • View Item
  •   Wisdom Repository Home
  • คณะและวิทยาลัย
  • คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ
  • GSDE: Theses
  • View Item
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

Browse

All of Wisdom RepositoryCommunities & CollectionsBy Issue DateAuthorsTitlesSubjectsBy Submit DateResource TypesThis CollectionBy Issue DateAuthorsTitlesSubjectsBy Submit DateResource Types

My Account

Login

ความเหลื่อมล้ำระหว่างระบบประกันสุขภาพของภาครัฐในประเทศไทย

by ณวัฒน์ แก้วนพรัตน์

Title:

ความเหลื่อมล้ำระหว่างระบบประกันสุขภาพของภาครัฐในประเทศไทย

Other title(s):

The disparity of National Health Insurance Schemes in Thailand

Author(s):

ณวัฒน์ แก้วนพรัตน์

Advisor:

ประสพโชค มั่งสวัสดิ์

Degree name:

เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree level:

Master's

Degree discipline:

พัฒนาการเศรษฐกิจ

Degree department:

คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ

Degree grantor:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Issued date:

2014

Publisher:

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Abstract:

ประเทศไทยมีสิทธิในการรักษาพยาบาลจากภาครัฐที่ให้ความคุ้มครองกับประชาชนอยู่ 3ระบบ คือ 1. ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 2. ระบบประกันสังคม และ 3. ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เนื่องจาก 3 ระบบนี้มีหน่วยงานต้นสังกัดที่คอยดูแลและให้ความคุ้มครองกับประชาชนที่แตกต่างกัน การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาหาความเหลื่อมล้ำา ที่เกิดจากความแตกต่างกันระหว่างสิทธิรักษาพยาบาล โดยวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำ ทั้งในเชิงข้อกำหนดและกฎระเบียบ และความเหลื่อมล้ำ ในเชิงคุณภาพของการให้บริการ
การศึกษานี้ใช้วิธีวิเคราะห์และเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากหน่วยงานต้นสังกัดของทั้ง 3 สิทธิรักษาพยาบาลสาหรับกรณีการวิเคราะห์ความเหลื่อมล้าในเชิงข้อกำหนดและกฎระเบียบ ส่วนกรณีการวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำ เชิงคุณภาพของการให้บริการนั้น การศึกษานี้ใช้แนวทางในการวิเคราะห์ปัญหาจากการใช้สิทธิรักษาพยาบาลที่ผู้รับบริการพบเจอของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับการวิเคราะห์ผ่านการให้คะแนนตอบสนองความพึงพอใจจากการรับบริการรักษาพยาบาลตามหลักแนวคิดขององค์การอนามัยโลก โดยใช้กลุ่มตัวอย่างของผู้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลทั้ง 3 สิทธิในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล และวิเคราะห์ผ่านสถิติทดสอบสมมติฐาน ความแตกต่างระหว่างสิทธิรักษาพยาบาล ร่วมกับการใช้แบบจา ลองโพรบิตแบบเรียงลำดับเพื่อหาตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อความพึงพอใจในการรับบริการรักษาพยาบาลของผู้รับบริการที่นอกเหนือจากปัจจัยด้านกลุ่มสิทธิรักษาพยาบาลของภาครัฐ นอกจากนี้การศึกษานี้ยังใช้ข้อมูลที่ได้จากการสารวจแพทย์ที่ให้บริการรักษาพยาบาลในเขตกรุงเทพ ฯ เพื่อวิเคราะห์ระดับปัญหาในการให้บริการผู้ป่วยในแต่ละสิทธิรักษาพยาบาล ตั้งแต่การคัดกรองกลุ่มโรคไปจนถึงการดำเนินการรักษาว่ามีปัญหาแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ผลการวิเคราะห์ความเหลื่อมล้า ในเชิงข้อกำหนดและกฎระเบียบ พบว่า สิทธิรักษาพยาบาล ข้าราชการได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด จึงส่งผลให้ได้สิทธิประโยชน์ในการรักษาดีที่สุดใน 3 สิทธิรักษาพยาบาล ได้แก่ ความครอบคลุมของกลุ่มโรคที่คุ้มครอง จำนวนอุปกรณ์และอวัยวะเทียม โอกาสในการได้รับยาราคาแพง รวมถึงการรักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาโรคทั่ว ๆไป ในขณะที่สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ร่วมจ่ายค่ารักษา 30 บาท กลับดีกว่าสิทธิประกันสังคมที่ผู้ประกันตนต้องร่วมจ่ายค่าเบี้ยประกันให้กับตนเองในทุกด้านที่กล่าวมา
ขณะที่ความเหลื่อมล้ำในเชิงคุณภาพของการให้บริการนั้น พบว่า ผู้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการมีระดับความพึงพอใจในบริการทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลสูงที่สุด ส่วนผู้ใช้บริการในสิทธิประกันสังคมและสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากลับมีระดับคะแนนความพึงพอใจจากการให้บริการในระดับที่เท่ากัน และพบว่ามีปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากปัจจัยทางด้านสิทธิรักษาพยาบาลที่ส่งผลต่อระดับความพึงพอใจในการรับบริการรักษาพยาบาลได้แก่ เขตที่พักอาศัย สังกัดของสถานพยาบาลที่ไปใช้บริการ ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องชำระเอง จำนวนสมาชิกในครัวเรือน และระดับการศึกษาสูงสุดที่ผู้รับบริการสำเร็จ
ในการสำรวจระดับปัญหาในการให้บริการของแพทย์ว่าผลของความเหลื่อมล้ำเชิงข้อกาหนดและกฎระเบียบในเรื่องข้อจากัดด้านงบประมาณและนโยบายของแต่ละสิทธิรักษาพยาบาลได้ส่งผลต่อการรักษาในแต่ละขั้นตอนการรักษาอย่างไรบ้าง พบว่าสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการเป็นสิทธิการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด รองลงมาคือสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในขณะที่สิทธิประกันสังคมเป็นสิทธิรักษาพยาบาลที่ดีน้อยที่สุด และแพทย์ให้ข้อเสนอแนะว่าหากสานักงานประกันสังคมแยกสิทธิในการรักษาพยาบาลออกจากสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น ๆ มาให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติบริหารจัดการแทน ก็จะสร้างประสิทธิภาพในการให้บริการรักษาพยาบาลที่ดีกว่า
ส่วนแนวทางในการลดความเหลื่อมล้ำนั้น ผู้วิจัยพิจารณาแล้วเห็นว่าควรกา หนดให้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นสิทธิประโยชน์พื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรจะได้รับ ในขณะที่สิทธิประกันสังคมมีวิธีการจ่ายเงินให้กับสถานพยาบาลแบบเดียวกับสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและต้องร่วมจ่ายเงินสมทบให้กับตนเองนั้น จึงควรได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และในอนาคตหากค่าจ้างของข้าราชการยังไม่สามารถสูงเท่ากับลูกจ้างในภาคเอกชน จึงสมควรให้สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการยังคงเป็นสิทธิรักษาพยาบาลที่ดี ที่สุด อย่างไรก็ตามการได้รับสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดนี้ก็การสร้างภาระทางการคลังที่สูงตามไปด้วยจึงต้องลดสิทธิประโยชน์ที่ไม่จา เป็ นบางอย่างลง โดยทั้ง 3 สิทธิรักษาพยาบาลจะต้องร่วมจ่ายค่าบริการรักษาพยาบาลเพื่อลดภาระทางการคลังของรัฐบาลในอนาคต

Description:

วิทยานิพนธ์ (ศ.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557

Subject(s):

ประกันสุขภาพ
ประกันสังคม
สวัสดิการข้าราชการ

Resource type:

วิทยานิพนธ์

Extent:

301

Type:

Text

File type:

application/pdf

Language:

tha

Rights:

ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)

URI:

http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4648
Show full item record

Files in this item (CONTENT)

Thumbnail
View
  • b191067.pdf ( 6,165.38 KB )

ทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดในคลังปัญญา ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอนและการค้นคว้าเท่านั้น และต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งที่นำไปใช้ ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และทำสำเนาต่อ รวมถึงไม่ให้อนุญาตนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น



This item appears in the following Collection(s)

  • GSDE: Theses [66]

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

Except where otherwise noted, content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International license.

Copyright © National Institute of Development Administration | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Library and Information Center | สำนักบรรณสารการพัฒนา
Email: NIDAWR@nida.ac.th    Chat: Facebook Messenger    Facebook: NIDAWisdomRepository
 

 

‹›×