ต้นทุนการทำธุรกรรมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมใน AEC
Files
Publisher
Issued Date
2015
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
222
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b191061
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ชวิน ชูสกุล (2015). ต้นทุนการทำธุรกรรมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมใน AEC. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4658.
Title
ต้นทุนการทำธุรกรรมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมใน AEC
Alternative Title(s)
The transaction costs of mutual fund industry in AEC
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
งานศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนการทาธุรกรรมของอุตสาหกรรมกองทุนรวม
ในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (AEC) โดยได้แบ่งการศึกษา
ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การศึกษาปัจจัยกำหนดค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมใน AEC และ
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าธรรมเนียมกับผลการดำเนินงานและการลงทุนของกองทุน
รวมใน AEC เพื่อใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมกองทุนรวมของไทยเพื่อให้
พร้อมรับมือกับการเปิดเสรีซื้อขายกองทุนรวม
งานศึกษาในส่วนแรก มุ่งหาปัจจัยกาหนดค่าธรรมเนียมการจัดการและอัตราส่วน ค่าใช้จ่าย เพื่อหาระดับการประหยัดจากขนาดและจากขอบเขตของอุตสาหกรรมกองทุนรวมของ แต่ละประเทศใน AEC ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่ง ทาการศึกษาในช่วงปี พ.ศ. 2552 – 2556 โดยใช้ข้อมูลประเภทภาคตัดขวาง (Cross-Section Data) และพาแนล (Panel Data) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ทางสถิติและประมาณสมการถดถอย (Regression Analysis) ผลการศึกษาพบว่า ผลการดาเนินงานส่งผลกระทบด้านบวกต่อ ค่าธรรมเนียม โดยกองทุนรวมประเทศมาเลเซียมีระดับการประหยัดจากขนาดและจากขอบเขต มากที่สุด ในขณะที่กองทุนรวมประเทศไทยมีระดับความประหยัดจากขนาดและจากขอบเขต น้อยที่สุด
งานศึกษาในส่วนที่สอง มุ่งหาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดาเนินงานและทรัพย์สิน สุทธิรวมของกองทุนรวม ซึ่งมาตรวัดผลการดาเนินงานของกองทุนที่เลือกใช้แบ่งเป็น ผลตอบแทนก่อนปรับความเสี่ยง และผลตอบแทนหลังปรับความเสี่ยง โดยงานศึกษานี้เลือกใช้ Sharpe Ratio, Sortino Ratio และ Information Ratio ผลการศึกษาพบว่าการเพิ่มขึ้นของ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมการจัดการส่งผลให้กองทุนรวมมีผลการดำเนินงานที่ดี และ ยังพบว่ากองทุนที่อยู่ภายใต้ บลจ. ขนาดใหญ่จะมีผลการดำเนินงานที่ด้อยกว่ากองทุนที่อยู่ ภายใต้ บลจ. ขนาดเล็ก และกองทุนรวมประเทศไทยที่บริหารโดย บลจ. ที่อยู่ในเครือธนาคาร พาณิชย์ไม่ได้มีผลการดา เนินงานดีกว่ากองทุนที่ไม่ได้อยู่ในเครือ นอกจากนี้เมื่อทำ การศึกษา
ปัจจัยกำหนดทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุน พบว่ามีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของ ค่าธรรมเนียมในการลงทุนกองทุนรวมไทยที่ต่า และมีค่าความยืดหยุ่น ที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ ใน AEC ในกองทุนรวมตราสารหนี้และผสม ซึ่งแสดงได้ว่ากองทุนรวมประเทศไทยยังสามารถ ปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียมได้
ผลการศึกษาทั้งสองส่วนทาให้ทราบว่ากองทุนรวมประเทศไทยควรพัฒนาให้มีความ ประหยัดจากขนาดและจากขอบเขตมากขึ้น นอกจากนี้ กองทุนรวมไทยยังสามารถเพิ่ม ค่าธรรมเนียมของบางประเภทกองทุนได้ หากกองทุนนั้นมีผลการดำเนินงานที่ดี ดังนั้นการเพิ่ม ค่าธรรมเนียมนอกจากจะทาให้กองทุนรวมได้รายรับรวมที่มากขึ้นจากความยืดหยุ่นของนัก ลงทุนที่ต่า แล้ว ยังอาจส่งผลให้กองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเมื่อเทียบกับกองทุนรวม ประเทศอื่นๆ ใน AEC กองทุนรวมประเทศไทยได้เปรียบในส่วนนี้
งานศึกษาในส่วนแรก มุ่งหาปัจจัยกาหนดค่าธรรมเนียมการจัดการและอัตราส่วน ค่าใช้จ่าย เพื่อหาระดับการประหยัดจากขนาดและจากขอบเขตของอุตสาหกรรมกองทุนรวมของ แต่ละประเทศใน AEC ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่ง ทาการศึกษาในช่วงปี พ.ศ. 2552 – 2556 โดยใช้ข้อมูลประเภทภาคตัดขวาง (Cross-Section Data) และพาแนล (Panel Data) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ทางสถิติและประมาณสมการถดถอย (Regression Analysis) ผลการศึกษาพบว่า ผลการดาเนินงานส่งผลกระทบด้านบวกต่อ ค่าธรรมเนียม โดยกองทุนรวมประเทศมาเลเซียมีระดับการประหยัดจากขนาดและจากขอบเขต มากที่สุด ในขณะที่กองทุนรวมประเทศไทยมีระดับความประหยัดจากขนาดและจากขอบเขต น้อยที่สุด
งานศึกษาในส่วนที่สอง มุ่งหาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดาเนินงานและทรัพย์สิน สุทธิรวมของกองทุนรวม ซึ่งมาตรวัดผลการดาเนินงานของกองทุนที่เลือกใช้แบ่งเป็น ผลตอบแทนก่อนปรับความเสี่ยง และผลตอบแทนหลังปรับความเสี่ยง โดยงานศึกษานี้เลือกใช้ Sharpe Ratio, Sortino Ratio และ Information Ratio ผลการศึกษาพบว่าการเพิ่มขึ้นของ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมการจัดการส่งผลให้กองทุนรวมมีผลการดำเนินงานที่ดี และ ยังพบว่ากองทุนที่อยู่ภายใต้ บลจ. ขนาดใหญ่จะมีผลการดำเนินงานที่ด้อยกว่ากองทุนที่อยู่ ภายใต้ บลจ. ขนาดเล็ก และกองทุนรวมประเทศไทยที่บริหารโดย บลจ. ที่อยู่ในเครือธนาคาร พาณิชย์ไม่ได้มีผลการดา เนินงานดีกว่ากองทุนที่ไม่ได้อยู่ในเครือ นอกจากนี้เมื่อทำ การศึกษา
ปัจจัยกำหนดทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุน พบว่ามีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของ ค่าธรรมเนียมในการลงทุนกองทุนรวมไทยที่ต่า และมีค่าความยืดหยุ่น ที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ ใน AEC ในกองทุนรวมตราสารหนี้และผสม ซึ่งแสดงได้ว่ากองทุนรวมประเทศไทยยังสามารถ ปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียมได้
ผลการศึกษาทั้งสองส่วนทาให้ทราบว่ากองทุนรวมประเทศไทยควรพัฒนาให้มีความ ประหยัดจากขนาดและจากขอบเขตมากขึ้น นอกจากนี้ กองทุนรวมไทยยังสามารถเพิ่ม ค่าธรรมเนียมของบางประเภทกองทุนได้ หากกองทุนนั้นมีผลการดำเนินงานที่ดี ดังนั้นการเพิ่ม ค่าธรรมเนียมนอกจากจะทาให้กองทุนรวมได้รายรับรวมที่มากขึ้นจากความยืดหยุ่นของนัก ลงทุนที่ต่า แล้ว ยังอาจส่งผลให้กองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเมื่อเทียบกับกองทุนรวม ประเทศอื่นๆ ใน AEC กองทุนรวมประเทศไทยได้เปรียบในส่วนนี้
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ศ.ม. (เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558