สถิติแบบไม่ใช้พารามิเตอร์ สำหรับทดสอบความแตกต่างของตำแหน่งของประชากร 2 กลุ่ม กรณีความแปรปรวนของประชากรไม่เท่ากัน
Publisher
Issued Date
2013
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
79 แผ่น : ; 30 ซม.
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
วราวัลย์ นิลพัทธ์ (2013). สถิติแบบไม่ใช้พารามิเตอร์ สำหรับทดสอบความแตกต่างของตำแหน่งของประชากร 2 กลุ่ม กรณีความแปรปรวนของประชากรไม่เท่ากัน. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/473.
Title
สถิติแบบไม่ใช้พารามิเตอร์ สำหรับทดสอบความแตกต่างของตำแหน่งของประชากร 2 กลุ่ม กรณีความแปรปรวนของประชากรไม่เท่ากัน
Alternative Title(s)
A nonparametric statistics for testing location of the two populations with unequal population variances
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
งานวิจยนี้ผู้วิจิยได้เสนอสถิติทดสอบบูทสแตรปเฉิน-ลูโดยเปรียบเทียบความสามารถใน การควบคุมความน่าจะเป็นของความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 และค่าอานาจการทดสอบของสถิติ แบบไม่ใชพารามิเตอร์สาหรับทดสอบความแตกต่างของตำแหน่งของประชากร 2 กลุ่ม กรณีความแปรปรวนของประชากรไม่เท่ากัน กับสถิติทดสอบวิลคอกสัน-แมน-วิทนีย์วิธีคลิฟฟ์ สถิติ ทดสอบบรุนเนอร์-มุนเซล สถิติทดสอบเฉิน-ลูและสถิติทดสอบบูทสแตรปแรงค์เวลซ์ข้อมูลที่ใช้ ในการศึกษาคร้ังนี้ได้จากการสร้างแบบจำลอง เมื่อข้อมูลมาจากการแจกแจงเอกรูปต่อเนื่องและการ แจกแจงแกมมาขนาดตัวอย่างเท่ากับ (5,10), (10,10), (20,30), (30,30), (40,50), (60,60) และ (100,100) ระดบนัยสำคัญที่ใช้ทดสอบสมมุติฐาน 0.01 และ 0.05 ซึ่งกระทำซ้ำ 1,000 คร้ัง ในแต่ละ สถานการณ์กำหนดจำนวนครั้งในการบูทสแตรป 500 คร้ัง ผลการศึกษาพบว่า สถิติทดสอบบูทสแตรปเฉิน-ลูสามารถควบคุมความน่าจะเป็นของ ความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1ได้ดีที่สุด และมีค่าอำนาจการทดสอบสูงใกล้เคียงกับสถิติทดสอบอื่น เมื่อตัวอย่างมีขนาดเท่ากับ (100,100) เมื่อตัวอย่างขนาดเล็ก (5,10), (10,10) สถิติทดสอบบรุนเนอร์-มุนเซล สามารถควบคุมความ น่าจะเป็นของความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1ได้ดีที่สุด และมีค่าอำนาจการทดสอบสูงกว่าสถิติ ทดสอบอื่น เมื่อตัวอย่างขนาดปานกลาง (20,30), (30,30) สถิติทดสอบวิลคอกสัน-แมน-วิทนีย์และ สถิติทดสอบบรุนเนอร์-มุนเซล สามารถควบคุมความน่าจะเป็นของความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ได้ใกล้เคียงกัน และมีค่าอำนาจการทดสอบสูงกว่าสถิติทดสอบอื่นเมื่อตัวอย่างขนาดใหญ่(40,50), (60, 60), (100,100) สถิติทดสอบทุกตัว สามารถควบคุมความ น่าจะเป็นของความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ได้ดีขึ้น และค่ามีอำนาจการทดสอบสูงขึ้น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ ( )--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์,