dc.contributor.advisor | บรรเจิด สิงคะเนติ | |
dc.contributor.author | เสริมพงษ์ รัตนะ | |
dc.date.accessioned | 2023-01-12T03:14:23Z | |
dc.date.available | 2023-01-12T03:14:23Z | |
dc.date.issued | 2016 | |
dc.identifier.other | b198229 | th |
dc.identifier.uri | https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6138 | |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2559 | th |
dc.description.abstract | การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาหลักกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ในระบบกฎหมายไทยเปรียบเทียบกับหลักกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของรัฐในระบบ กฎหมายของเยอรมันและฝรั่งเศส และศึกษาปัญหาเกี่ยวกับเขตอํานาจศาลของพระราชบัญญัติความ รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ พ.ศ. ... อันจะนําไปสู่การเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องเขตอํานาจศาลในการ พิจารณาคดีความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ วิธีการศึกษาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นการศึกษาเปรียบเทียบหลักกฎหมายว่าด้วยความ รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ในระบบกฎหมายไทยเปรียบเทียบกับหลักกฎหมายว่าด้วยความรับผิด ของรัฐในระบบกฎหมายของเยอรมันและฝรั่งเศส และส่วนที่สอง เป็นการศึกษาปัญหาเขตอํานาจ ศาลของพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และร่างพระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. … พบว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบันพ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีหลักกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานละเมิดทางแพ่งในระบบกฎหมายเอกชนที่บัญญัติไว้ เป็นลายลักษณ์อักษรเพียงหลักกฎหมายเดียวในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และได้นําหลัก กฎหมายเรื่องละเมิดทางแพ่งมาใช้กับละเมิดทางปกครองในระบบกฎหมายมหาชนในฐานะบท กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง และประเทศไทยใช้ระบบศาลคู่ โดยให้ศาลยุติธรรมมีอํานาจพิจารณาคดี ละเมิดทางแพ่งของเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทําละเมิดนอกการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้ ใช้อํานาจตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ประกอบกับพระราชบัญญัติความ รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และศาลปกครองมีอํานาจพิจารณาคดีละเมิดทางปกครอง ของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบกับ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ในกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับเขต อํานาจศาลในคดีความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่มีองค์กรหนึ่ง คือ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหน้าที่ระหว่างศาลใช้อํานาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหน้าที่ระหว่าง ศาล พ.ศ. 2542 ทําหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าคดีพิพาทจากการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่อยู่ในเขต อํานาจของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง และปัจจุบันมีการร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทาง ละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้มาตรการบังคับทางปกครองที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ซึ่งทําหน้าที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีความเห็นว่า ในระบบกฎหมายไทยไม่มีการกําหนดเรื่องละเมิดทางปกครองไว้โดยเฉพาะ จึงมีเรื่องละเมิดทางแพ่ง และมูลหนี้ทางแพ่งของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งมีผลกระทบต่อพัฒนาการของหลักกฎหมายว่าด้วยความ รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่และก่อให้เกิดปัญหาเขตอํานาจศาล ดังนั้น ควรดําเนินการดังนี้ 1) แก้ไขพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยนําบรรทัดฐานจากแนว คําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหน้าที่ระหว่างศาลไปกําหนดความรับผิดของ เจ้าหน้าที่ในคดีละเมิดทางแพ่งซึ่งอยู่ในอํานาจของศาลยุติธรรมและคดีละเมิดทางปกครองซึ่งอยู่ใน อํานาจของศาลปกครอง 2) นําบรรทัดฐานจากคําพิพากษาของศาลยุติธรรมและศาลปกครองไป กําหนดแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการฟ้องไล่เบี้ยเจ้าหน้าที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 3) ทบทวนมาตรา 25 แห่งร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ... ในการกําหนดเขตอํานาจ ศาลเกี่ยวกับคดีที่เอกชนร่วมกระทําละเมิดกับเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับแนวคําวินิจฉัยของ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหน้าที่ระหว่างศาลซึ่งวางหลักเกณฑ์ไว้ว่า กรณีมูลความแห่งคดี เดียวกัน จึงชอบที่จะได้พิจารณาที่ศาลเดียวกัน โดยให้อํานาจศาลที่พิจารณาคดีหลักสามารถพิจารณา คดีรองได้ และ 4) ทบทวนมาตรา 21 และมาตรา 26 แห่งร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิด ของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ... ที่กําหนดว่าการที่หน่วยงานของรัฐใช้สิทธิไล่เบี้ยเจ้าหน้าที่ผู้กระทําละเมิดเป็น เพียงหนังสือเรียกให้ชําระหนี้โดยไม่ถือว่าเป็นคําสั่งทางปกครอง และให้อยู่ในอํานาจศาลยุติธรรมยัง ไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง เพราะโดยสภาพคําสั่งดังกล่าวเป็นคําสั่งทางปกครอง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ควร มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนคําสั่งทางปกครองได้ ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของ เจ้าหน้าที่ควบคู่ไปกับการคุ้มครองสิทธิของหน่วยงานของรัฐ | th |
dc.description.provenance | Submitted by Kwanruthai Kaewjampa (kwanruthai.k@nida.ac.th) on 2023-01-12T03:14:23Z
No. of bitstreams: 1
b198229.pdf: 11133777 bytes, checksum: a135ba0bdbf62ee8899795f7f37ea6d6 (MD5) | en |
dc.description.provenance | Made available in DSpace on 2023-01-12T03:14:23Z (GMT). No. of bitstreams: 1
b198229.pdf: 11133777 bytes, checksum: a135ba0bdbf62ee8899795f7f37ea6d6 (MD5)
Previous issue date: 2016 | en |
dc.format.extent | 254 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject.other | ความรับผิด (กฎหมาย) | th |
dc.subject.other | พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 | th |
dc.title | หลักกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่และปัญหาเกี่ยวกับเขตอำนาจศาล: ศึกษาพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ... | th |
dc.title.alternative | Legal principles on liability of the official for wrongful act and the jurisdictional problems : a study of the Act for Liability of the Official for Wrongful Act, B.E. 2539 and the Draft of the Act on Liability of the Official for Wrongful Act B.E … | th |
dc.type | Text | th |
mods.genre | ดุษฎีนิพนธ์ | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.name | นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต | th |
thesis.degree.level | Doctoral | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.department | คณะนิติศาสตร์ | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.2016.168 | |