ปัญหาการตรวจสอบการใช้อำนาจชี้มูลความผิดทางวินัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยศาลปกครอง
Files
Publisher
Issued Date
2019
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
282 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b210998
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
กฤษณี มหาวิรุฬห์ (2019). ปัญหาการตรวจสอบการใช้อำนาจชี้มูลความผิดทางวินัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยศาลปกครอง. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6337.
Title
ปัญหาการตรวจสอบการใช้อำนาจชี้มูลความผิดทางวินัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยศาลปกครอง
Alternative Title(s)
The problem on the scrutiny of exercise power of the National Anti-Corruption Commission (NACC) to indentify prima face disciplinary offence by the judgment of administrative court
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อให้ทราบอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการชี้มูลความผิดทางวินัยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทราบการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตและการดําเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตในต่างประเทศ และ เพื่อให้ทราบปัญหาการตรวจสอบการใช้อํานาจในการชี้มูลความผิดทางวินัยของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยศาลปกครองพร้อมข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา โดยมี สมมติฐานในการศึกษาคือ ปัญหาเกี่ยวกับขอบเขตการใช้อํานาจในการชี้มูลความผิดทางวินัย เจ้าหน้าที่ของรัฐ ปัญหาเกี่ยวกับขอบเขตการใช้อํานาจของศาลปกครองในการตรวจสอบการชี้มูล ความผิดทางวินัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติปัญหาการชี้มูล ความผิดทางวินัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินอกจากความผิดฐาน ทุจริตต่อหน้าที่เป็นการใช้อํานาจเกินกว่าที่กฎหมายกําหนดหรือไม่และปัญหาการนํากระบวนการไต่ สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปเป็นการสอบสวนของหน่วยงาน และนําไปใช้ในการชี้มูลความผิดทางวินัยของหน่วยงานได้หรือไม่ ปัญหาดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบ สําคัญต่อประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประสิทธิภาพในการลงโทษทาง วินัยแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริต หากมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะทําให้การดําเนินงานทางวินัยกับ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตมีความชัดเจน และการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและมีความเป็นธรรม มากขึ้น ผลการศึกษายืนยันสมมติฐานข้างต้นและมีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาคือข้อพิจารณาในเรื่อง นิติรัฐและนิติธรรมและการควบคุมตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐ ทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องถ้อยคําที่ บัญญัติในกฎหมายต้องมีความชัดเจน หากต้องมีการตีความต้องให้ได้ข้อยุติร่วมกันโดยเร็วเพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหาสะสม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเข้าใจนิยามของคําว่า “ทุจริต” ที่จะนําไปสู่การชี้มูล ความผิดและการลงโทษทางวินัยในทิศทางที่สอดคล้องตรงกัน โดยไม่จํากัดว่าการกระทําความผิดนั้นต้อง มาจากความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่เพียงฐานความผิดเดียวแต่ควรครอบคลุมอย่างน้อยอีก 3 ฐานความผิด คือ ฐานร่ํารวยผิดปกติฐานกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานกระทําความผิดต่อตําแหน่ง หน้าที่ในการยุติธรรม รวมทั้งความผิดที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้ขอบเขตการใช้อํานาจของแต่ละฝ่ายเป็นไปใน ทิศทางเดียวกันและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและการพิจารณาโทษทางวินัยของเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตทุก ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรมีแนวทางและข้อความคิดที่สอดคล้องกัน หลักการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริต สมควรได้รับควรมีความรุนแรงกว่าความผิดทางวินัยฐานอื่น บุคลากรของสํานักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องกล่าวหาทั้งหมดต้องมีความรู้ความ เข้าใจในหลักกฎหมายมหาชนมากเท่ากับหลักกฎหมายอาญา การตรวจสอบการใช้อํานาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยศาลปกครองควรคํานึงถึงวัตถุประสงค์หลักใน การจัดตั้งหน่วยงานนี้ที่มีความแตกต่างจากหน่วยงานอื่น ในกรณีจําเป็นที่ศาลต้องตรวจสอบความชอบ ด้วยกฎหมายของการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต้องเป็นไป อย่างระมัดระวังและไม่ก้าวล่วงไปตรวจสอบการใช้ดุลพินิจที่เป็นไปโดยชอบแล้ว เพื่อมิให้ก้าวล่วงไปในแดนของฝ่ายบริหารเช่นเดียวกับในประเทศฝรั่งเศสและเยอรมันที่ใช้อํานาจนี้อย่างจํากัด สําหรับเรื่อง กระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ดําเนินการไปแล้วไม่ ควรปล่อยให้สูญเปล่าไปทั้งหมดและควรคํานึงถึงการนําสํานวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยของ หน่วยงานต้นสังกัดและประกอบการพิจารณาของศาลด้วย ในระยะยาวต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพ.ศ. 2561 ให้ชัดเจนขึ้น โดยเรื่องหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามมาตรา 28 (2) แก้ไขเป็น “ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ ของรัฐร่ํารวยผิดปกติกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม และทุกฐานความผิดหากพบว่ามีมูลความผิดทางวินัยให้ ดําเนินการชี้มูลความผิดทางวินัยต่อไป” เรื่องการดําเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐมาตรา 91 แก้ไขเป็น “เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนแล้วมีมติวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อ ตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือความผิดที่เกี่ยวข้องกัน ทุกฐานความผิดให้ดําเนินการดังต่อไปนี้ . . .” นอกจากนี้ในบทกําหนดโทษต้องกําหนดให้มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตในระดับที่รุนแรงขึ้นด้วย
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2562