กฎหมายเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดสำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทย
Files
Publisher
Issued Date
2019
Issued Date (B.E.)
2562
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
350 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b210973
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
จรีรัตน์ สร้อยเสริมทรัพย์ (2019). กฎหมายเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดสำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทย. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6342.
Title
กฎหมายเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดสำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทย
Alternative Title(s)
Legal for conservation and wise use of wetland in Thailand
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์และ การใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาด การศึกษาโดยใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ ได้แก่ ศึกษา หลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดในพื้นที่ชุ่มน้ำ ศึกษา และวิเคราะห์อนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ และกฎหมายต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และ การใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดในพื้นที่ชุ่มน้ำ ศึกษาและวิเคราะห์นโยบายและแผนการจัดการพื้นที่ ชุ่มน้ำของรัฐ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำใน ประเทศไทย จากการศึกษาพบว่าปัญหาในการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทยที่ผ่านมา ได้แก่ 1. ปัญหาความไม่ชัดเจนของนโยบายและแผนการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ คือ ปัญหานโยบายและแผนการ จัดการทรัพยากรพื้นที่ชุ่มน้ าของประเทศไทย พบว่าขาดแผนแม่บทการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำและ แผนปฏิบัติการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำและขั้นตอนในการจัดทำนโยบายและแผนยังขาด กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน 2. ปัญหาความไม่สอดคล้องของเนื้อหากฎหมายกับหลักการ ตามอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำพบว่าพื้นที่ชุ่มน้ำที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ กฎหมายที่บังคับใช้ใน เขตอนุรักษ์ ได้ปฏิบัติตามหลักการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด ตามนอนุสัญญาว่า ด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำแล้ว ส่วนพื้นที่ชุ่มน้ำนอกเขตอนุรักษ์นั้น พบว่ากฎหมายส่วนมากไม่มีปฏิบัติตาม หลักการที่สำคัญตามอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำหลายประการ จึงส่งผลให้พื้นที่ชุ่มน้ำนอกเขต อนุรักษ์ เกิดการสูญเสียพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นจำนวนมาก 3. ปัญหาด้านโครงสร้างขององค์กร พบว่ามี หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่พื้นที่ชุ่มน้ำมีอยู่จำนวนมาก เกิดความซ้ำซ้อนกันใน การปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งยังขาดการกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4. ปัญหาการขาด การมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชุ่มน้ำพบว่าประชาชนยังขาด
ความรู้ความเข้าใจในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำ รวมถึงประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการ กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำหรือโครงการหรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม การศึกษานี้มีข้อเสนอแนะ ได้แก่ 1. ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย รัฐควรกำหนดให้มีการจัด ทำแผนแม่บทการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ าและแผนปฏิบัติการพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อวางแผนจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ทั้งประเทศ 2. ข้อเสนอแนะด้านองค์กร รัฐควรมีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการพื้นที่ ชุ่มน้ำการจัดตั้งองค์กรจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในระดับจังหวัด โดยทำงานประสานกับคณะกรรมการ ลุ่มน้ำประจำจังหวัด เพื่อทำหน้าที่รับนโยบายจากส่วนกลาง ส่วนในระดับท้องถิ่น การจัดตั้ง คณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำในระดับท้องถิ่น หรือ คณะกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำชุมชน 3. ข้อเสนอแนะด้านกฎหมาย รัฐควรออกกฎหมายลำดับรองหรือ ข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำโดยอาศัยหลักการตามอนุสัญญาว่า ด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำและ 4. ข้อเสนอแนะด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน รัฐควรสร้างกลไกการบริหาร จัดการพื้นที่ชุ่มน้ าโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการวางแผนจัดการและการติดตามตรวจสอบ การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชุ่มน้ำ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ด.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2562