ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การกับประสิทธิผลขององค์การภาครัฐบาลในการบริหารราชการไทย
Publisher
Issued Date
1990
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
ก-ฐ, 247 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
กิ่งพร ทองใบ (1990). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การกับประสิทธิผลขององค์การภาครัฐบาลในการบริหารราชการไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/917.
Title
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การกับประสิทธิผลขององค์การภาครัฐบาลในการบริหารราชการไทย
Alternative Title(s)
The relations between organization characteristics and organizational effectiveness of public sector in Thai bureaucracy
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ประสิทธิผลขององค์การ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากทั้งในวงวิชาการด้านการบริหารและวงวิชาชีพ โดยเฉพาะกับการพัฒนาประเทศเท่าที่ปรากฏมา การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะองค์การกับประสิทธิผลขององค์การโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบบริหารราชการของไทยเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อนอย่างจริงจัง วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะทำการศึกษาโดยการวัดและประเมินประสิทธิผลขององค์การภาครัฐบาลในระดับการบริการราชการส่วนกลาง และทำการเก็บรวบรวมข้อมูลลักษณะองค์การ เพื่อศึกษาดูว่า ปัจจัยลักษณะองค์การปัจจัยใดมีอิทธิพลส่งผลต่อประสิทธิผลขององค์การ และในจำนวนปัจจัยดังกล่าวปัจจัยใดส่งผลกระทบต่อประสิทธิผลขององค์การมากที่สุด และมีน้ำหนักในการอธิบายประสิทธิผลขององค์การเท่าใด ประเด็นเหล่านี้เป็นจุดสนใจและเป็นที่มาของการวิจัยเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การและประสิทธิผลขององค์การในการบริหารราชการไทย ผลที่ได้จากการศึกษาจะเป็นองค์ความรู้ทางการบริหารการพัฒนาในประเทศไทย และเป็นประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป.
เนื่องจากลักษณะองค์การของระบบราชการมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ดังนั้นการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ จะได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การกับประสิทธิผลขององค์การ โดยมีสมมติฐานว่า ปัจจัยลักษณะองค์การมีอำนาจในการอธิบายประสิทธิผลขององค์การ องค์การหรือหน่วยศึกษาได้แก่ หน่วยงานราชการระดับกรมจำนวน 68 กรม ใน 11 กระทรวง ปัจจัยลักษณะองค์การที่ทำการศึกษาแบ่งเป็น 3 มิติคือ โครงสร้างองค์การ การจัดรูปแบบองค์การ และกลยุทธ์ทางการบริหาร ตัวแปรโครงสร้างองค์การแบ่งได้เป็น 3 มิติย่อย คือ ความซับซ้อน ความเป็นทางการ และการรวมอำนาจ ตัวแปรการจัดรูปแบบองค์การแบ่งตามแนวคิดของมินซ์เบอร์ก ส่วนตัวแปรกลยุทธ์ทางการบริหารแบ่งเป็น 6 มิติย่อยคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการตัดสินใจ การลดความไม่แน่นอน การบริหารการเปลี่ยนแปลง การบริหารความขัดแย้ง ระดับวัฒนธรรมองค์การ และการเจริญเติบโตขององค์การ สำหรับประสิทธิผลขององค์การ แบ่งเป็น 2 มิติย่อย คือ ประสิทธิผลการใช้งบประมาณ และประสิทธิผลภายในองค์การ.
การทดสอบความเชื่อถือได้ของมาตรวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยนี้ ผู้วิจัยได้ใช้เทคนิคสัมประสิทธิ์อัลฟา ซึ่งปรากฏว่า มาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาตั้งแต่ 0.850 ขึ้นไป ได้แก่ มาตรวัดการรวมอำนาจ มาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาเท่ากับ 0.750-0849 มาตรวัดรูปแบบการจัดองค์การ มาตรวัดวัฒนธรรมองค์การ มาตรวัดระดับความเป็นทางการ มาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาตั้งแต่ 0.500 ถึง 0.629 ได้แก่ มาตรวัดระดับความซับซ้อน มาตรวัดการบริหารความขัดแย้ง มาตรวัดการบริหารการเปลี่ยนแปลง มาตรวัดประสิทธิผลการใช้งบประมาณ และมาตรวัดประสิทธิผลภายใน 0.630-0.749 ได้แก่ มาตรวัดระดับเทคโนโลยีการตัดสินใจ มาตรวัดวัฒนธรรมองค์การ มาตรวัดระดับความเป็นทางการ มาตรวัดระดับเทคโนโลยีการตัดสินใจ มาตรวัดการบริหารความไม่แน่นอน สำหรับมาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ มาตรวัดการเจริญเติบโตขององค์การ ซึ่งมีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาเพียง 0.366 ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลจากมาตรวัดนี้จึงกระทำเป็นรายข้อ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่า ตัวแปรความซับซ้อนของโครงสร้างองค์การสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิผลการใช้งบประมาณ และประสิทธิผลรวมขององค์การได้ร้อยละ 42 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟาเท่ากับ 0.05 ตัวแปรลักษณะองค์การทุกมิติย่อยรวมกัน (9 ตัวแปร) สามารถอธิบายประสิทธิผลการใช้งบประมาณ ประสิทธิผลภายใน และประสิทธิผลรวมขององค์การได้ร้อยละ 45, 23 และ 50 ตามลำดับ ทั้งนี้โดยมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟาเท่ากับ 0.05 สำหรับตัวแปรการจัดรูปแบบองค์การได้ทำการวิเคราะห์โดยการแบ่งชุดข้อมูล นำผลการวิเคราะห์มาทดสอบการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง ซึ่งพบว่าตัวแปรการจัดรูปแบบองค์การไม่มีอิทธิพลในการอธิบายประสิทธิผลขององค์การอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ข้อค้นพบทั่วไปและข้อค้นพบทางสมมติฐานจากวิทยานิพนธ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการบริหารงานของระบบราชการให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานราชการควรเน้นที่การลดระดับความซับซ้อนทางโครงสร้างองค์การ โดยการกำหนดจำนวนมาตรฐานของตำแหน่งในสายงานหลัก การกำหนดมาตรฐานการแบ่งส่วนราชการภายใน จำนวนรองอธิบดีและการกำหนดความสัมพันธ์ของหน่วยราชการสังกัดกรมที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค สำหรับด้านกลยุทธ์ทางการบริหารควรเน้นที่การชลอการขยายตัวของหน่วยราชการ และการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์การซึ่งยึดหลักความสามารถเป็นสำคัญ
เนื่องจากลักษณะองค์การของระบบราชการมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ดังนั้นการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ จะได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การกับประสิทธิผลขององค์การ โดยมีสมมติฐานว่า ปัจจัยลักษณะองค์การมีอำนาจในการอธิบายประสิทธิผลขององค์การ องค์การหรือหน่วยศึกษาได้แก่ หน่วยงานราชการระดับกรมจำนวน 68 กรม ใน 11 กระทรวง ปัจจัยลักษณะองค์การที่ทำการศึกษาแบ่งเป็น 3 มิติคือ โครงสร้างองค์การ การจัดรูปแบบองค์การ และกลยุทธ์ทางการบริหาร ตัวแปรโครงสร้างองค์การแบ่งได้เป็น 3 มิติย่อย คือ ความซับซ้อน ความเป็นทางการ และการรวมอำนาจ ตัวแปรการจัดรูปแบบองค์การแบ่งตามแนวคิดของมินซ์เบอร์ก ส่วนตัวแปรกลยุทธ์ทางการบริหารแบ่งเป็น 6 มิติย่อยคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการตัดสินใจ การลดความไม่แน่นอน การบริหารการเปลี่ยนแปลง การบริหารความขัดแย้ง ระดับวัฒนธรรมองค์การ และการเจริญเติบโตขององค์การ สำหรับประสิทธิผลขององค์การ แบ่งเป็น 2 มิติย่อย คือ ประสิทธิผลการใช้งบประมาณ และประสิทธิผลภายในองค์การ.
การทดสอบความเชื่อถือได้ของมาตรวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยนี้ ผู้วิจัยได้ใช้เทคนิคสัมประสิทธิ์อัลฟา ซึ่งปรากฏว่า มาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาตั้งแต่ 0.850 ขึ้นไป ได้แก่ มาตรวัดการรวมอำนาจ มาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาเท่ากับ 0.750-0849 มาตรวัดรูปแบบการจัดองค์การ มาตรวัดวัฒนธรรมองค์การ มาตรวัดระดับความเป็นทางการ มาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาตั้งแต่ 0.500 ถึง 0.629 ได้แก่ มาตรวัดระดับความซับซ้อน มาตรวัดการบริหารความขัดแย้ง มาตรวัดการบริหารการเปลี่ยนแปลง มาตรวัดประสิทธิผลการใช้งบประมาณ และมาตรวัดประสิทธิผลภายใน 0.630-0.749 ได้แก่ มาตรวัดระดับเทคโนโลยีการตัดสินใจ มาตรวัดวัฒนธรรมองค์การ มาตรวัดระดับความเป็นทางการ มาตรวัดระดับเทคโนโลยีการตัดสินใจ มาตรวัดการบริหารความไม่แน่นอน สำหรับมาตรวัดที่มีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ มาตรวัดการเจริญเติบโตขององค์การ ซึ่งมีขนาดค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาเพียง 0.366 ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลจากมาตรวัดนี้จึงกระทำเป็นรายข้อ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่า ตัวแปรความซับซ้อนของโครงสร้างองค์การสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิผลการใช้งบประมาณ และประสิทธิผลรวมขององค์การได้ร้อยละ 42 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟาเท่ากับ 0.05 ตัวแปรลักษณะองค์การทุกมิติย่อยรวมกัน (9 ตัวแปร) สามารถอธิบายประสิทธิผลการใช้งบประมาณ ประสิทธิผลภายใน และประสิทธิผลรวมขององค์การได้ร้อยละ 45, 23 และ 50 ตามลำดับ ทั้งนี้โดยมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับอัลฟาเท่ากับ 0.05 สำหรับตัวแปรการจัดรูปแบบองค์การได้ทำการวิเคราะห์โดยการแบ่งชุดข้อมูล นำผลการวิเคราะห์มาทดสอบการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง ซึ่งพบว่าตัวแปรการจัดรูปแบบองค์การไม่มีอิทธิพลในการอธิบายประสิทธิผลขององค์การอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ข้อค้นพบทั่วไปและข้อค้นพบทางสมมติฐานจากวิทยานิพนธ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการบริหารงานของระบบราชการให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานราชการควรเน้นที่การลดระดับความซับซ้อนทางโครงสร้างองค์การ โดยการกำหนดจำนวนมาตรฐานของตำแหน่งในสายงานหลัก การกำหนดมาตรฐานการแบ่งส่วนราชการภายใน จำนวนรองอธิบดีและการกำหนดความสัมพันธ์ของหน่วยราชการสังกัดกรมที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค สำหรับด้านกลยุทธ์ทางการบริหารควรเน้นที่การชลอการขยายตัวของหน่วยราชการ และการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์การซึ่งยึดหลักความสามารถเป็นสำคัญ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ด. (การบริหารการพัฒนา))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2533.