อิทธิพลของภาวะผู้นำที่มีต่อประสิทธิผลของการบริหารงาน : ศึกษาเฉพาะกรณีผู้จัดการประปา การประปาส่วนภูมิภาค ประเทศไทย
Publisher
Issued Date
1993
Issued Date (B.E.)
2536
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
ก-ต, 260 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
เลิศ ไชยณรงค์ (1993). อิทธิพลของภาวะผู้นำที่มีต่อประสิทธิผลของการบริหารงาน : ศึกษาเฉพาะกรณีผู้จัดการประปา การประปาส่วนภูมิภาค ประเทศไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/933.
Title
อิทธิพลของภาวะผู้นำที่มีต่อประสิทธิผลของการบริหารงาน : ศึกษาเฉพาะกรณีผู้จัดการประปา การประปาส่วนภูมิภาค ประเทศไทย
Alternative Title(s)
The influence of managers leadership on managerial effectiveness : a case study of waterworks managers of the provincial Waterworks Authority of Thailand
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ มุ่งจะศึกษาปัจจัยที่มีความสำคัญต่อประเภทผู้นำของผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาค ตามแนวคิดของเรดดิน และเน้นศึกษาประเภทผู้นำว่ามีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารงานอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ เมื่อร่วมกับตัวแปรอื่นทั้งยังต้องการจะศึกษาหาชุดตัวแปรที่จะสามารถอธิบายประสิทธิผลการบริหารงานได้ดีที่สุด ประสิทธิผลการบริหารงานของการศึกษานี้ ได้ครอบคลุมถึงประสิทธิผลการบริหารงานของบุคคล และประสิทธิผลการบริหารงานขององค์กร นอกจากนี้ยังต้องการจะศึกษาว่ามาตรวัดประเภทผู้นำของเรดดินสามารถใช้แจกแจงผู้นำไทยออกเป็น 8 ประเภทตามแนวคิดทฤษฎีนี้หรือไม่
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเรื่องนี้ได้แก่ ผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาคจำนวน 187 คน ซึ่งรับผิดชอบสำนักงานประปาโดยมีผู้ช่วยระดับหัวหน้างาน 3 ตำแหน่งคือ หัวหน้างานผลิต หัวหน้างานบริหาร และหัวหน้างานบริการ หน่วยงานนี้เป็นองค์กรระดับล่างที่จะนำนโยบายจากส่วนกลางไปสู่การปฏิบัติ ต้องทำหน้าที่ไม่เฉพาะที่เป็นหน้าที่โดยตรง แต่ต้องประสานงานระหว่างส่วนกลาง เขต และประชาชน จึงนับเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญมากของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ประสิทธิผลการบริหารงานของบุคคลกลุ่มนี้ถือเป็นความสำเร็จของรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค ผู้จัดการกลุ่มนี้อยู่ในตำแหน่งมามากกว่า 2 ปี เป็นชายล้วน แต่งงานแล้วเกือบทั้งหมด มีการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับ ปวช. (41.2 เปอร์เซนต์) รองลงมาคือ ปวส. (34.8 เปอร์เซนต์) มีประสบการณ์บริหารในตำแหน่งมากกว่า 10 ปีขึ้นไปถึงร้อยละ 58.1 และร้อยละ 61.5 มีอายุมากกว่า 45 ปี กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดทำหน้าที่เป็นผู้จัดการประปาอยู่ทั่วราชอาณาจักรไทยรวม 70 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ.
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมีทั้งหมด 2 ชุด ชุดแรกเป็นมาตรวัดประเภทผู้นำของเรดดิน ชุดที่สองเป็นคำถามเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้จัดการ รูปแบบการบริหารงานของผู้จัดการ สถานการณ์ในหน่วยงาน (อำนาจในตำแหน่ง โครงสร้างงาน และความสัมพันธ์กับลูกน้อง) ความสามัคคีของสมาชิกและประสิทธิผลของผู้จัดการ การตอบแบบสอบถามทุกคนตอบในห้อง เมื่อว่างจากการอบรม หรือสัมมนา ผู้วิจัยได้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของคำตอบทุกส่วน และทุกฉบับก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลได้ใช้โปรแกรมสำเร็จ SPSS/PC+ โดยแบ่งการวิเคราะห์เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อศึกษาลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างรวมทั้งลักษณะของตัวแปรต่าง ๆ ส่วนที่สองเป็นการใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์ความแปรปรวน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ และการวิเคราะห์จำแนกประเภท (discriminant analysis) เพื่อทดสอบสมมุติฐานส่วนที่สามเป็นผลวิเคราะห์เพิ่มเติมในสิ่งที่ผู้วิจัยสนใจ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า 1) มาตรวัดของเรดดินสามารถแจกแจงประเภทของผู้จัดการได้ และสอดคล้องกับประสิทธิผลการบริหารงานของผู้จัดการ ซึ่งประเมินโดยผู้บังคับบัญชาและประเมินโดยผู้จัดการเอง ตรงตามแนวคิดทฤษฎีของเรดดิน 2) ชุดตัวแปรที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิผลการบริหารงานของผู้จัดการ ได้แก่ ภาวะผู้นำ รองลงมา ได้แก่ จำนวนพนักงานในหน่วยงาน อันดับสามประสบการณ์การบริหาร อันดับสี่และห้าได้แก่ระดับการศึกษา และการบริหารงานโดยยึดกฎระเบียบ 3) ชุดตัวแปรที่สามารถอธิบายประสิทธิผลขององค์กร (กำไรค่าน้ำเฉลี่ยในช่วง 4 ปีต่อต้นทุน 100 บาท) อันดับ 1 ได้แก่ จำนวนพนักงานในหน่วยงาน (อธิบายได้ร้อยละ 47) รองลงมาเป็นเงินเดือนหรือระดับชั้นของผู้จัดการ (อธิบายเพิ่มได้ 3 เปอร์เซนต์) อันดับสาม ความสามัคคีในหน่วยงาน อันดับสี่และห้า ได้แก่โครงสร้างงานและจำนวนครั้งการฝึกอบรมด้านบริหาร (3 ตัวแปรสามารถอธิบายเพิ่มได้ 2 เปอร์เซนต์) 4) ชุดตัวแปรที่สามารถอธิบายประสิทธิผลขององค์การ (คะแนนองค์ประกอบของ 6 ตัวแปร ได้แก่ อัตราการเพิ่มกำไรค่าน้ำ อัตราการเพิ่มจำนวนผู้ใช้น้ำ อัตราการลดการสูญเสียน้ำ อัตราการลดหนี้ของผู้ใช้น้ำ ฯลฯ) อันดับหนึ่งได้แก่ ขนาดของเมือง (อธิบายได้ร้อยละ 11) รองลงมาได้แก่ ประสบการณ์การบริหารงาน (อธิบายเพิ่มได้ 4 เปอร์เซนต์) อันดับสาม สี่ และห้าได้แก่ จำนวนครั้งที่ฝึกอบรมการบริหาร การบริหารงานโดยยึดกฎระเบียบ และความมีมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหาร (อธิบายเพิ่มได้ 3 เปอร์เซนต์) 5) ผลวิเคราะห์ไม่พบนัยสำคัญทางสถิติของปัจจัยเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้จัดการ และวิธีการบริหารงานของผู้จัดการที่มีต่อประเภทผู้นำ 8 ประเภท ซึ่งแจกแจงโดยมาตรวัดของเรดดิน อย่างไรก็ดีตัวแปรการบริหารงานของผู้จัดการส่วนภูมิภาค แม้จะไม่พบนัยสำคัญทางสถิติของปัจจัยทั้งสี่ต่อประเภทผู้นำแต่ก็พบว่ามีผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานของผู้จัดการ (ประเมินโดยผู้บังคับบัญชา และประเมินโดยผู้จัดการเอง) โดยเฉพาะการบริหารที่ยึดกฎระเบียบ และการบริหารที่มุ่งประสิทธิผลของงาน สำหรับตัวแปรระดับการศึกษา สถานการณ์ในหน่วยงาน และความสามัคคีของสมาชิก เป็นอีกสามตัวแปรที่การศึกษานี้พบว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญน้อย เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นผู้จัดการหน่วยงานที่รับผิดชอบงานแบบเดียวกัน รับนโยบายมาจากส่วนกลางเหมือนกัน มีวิธีดำเนินงานไม่แตกต่างกัน ตัวแปรดังกล่าวจึงมีค่าเกือบคงที่ ฉะนั้นจึงควรศึกษาเพิ่มเติม โดยใช้กลุ่มตัวอย่างที่มีความผันแปรในเรื่องดังกล่าวจากองค์กรหลาย ...
ในส่วนที่เกี่ยวกับการแจกแจงประเภทผู้นำของผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาคพบว่า ผู้จัดการที่มีประสิทธิผลต่ำมีจำนวนมากกว่าผู้จัดการที่มีประสิทธิผลสูงเล็กน้อย และกลุ่มผู้นำหนีงาน รวมกับนักบุญ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประสิทธิผลต่ำสุด มีถึงร้อยละ 27.3 ของผู้จัดการทั้งหมด ซึ่งสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคควรจะให้ความสนใจปรับปรุงแก้ไข อย่างไรก็ดีจำนวนร้อยละในแต่ละกลุ่มก็สอดคล้องกับผลงานวิจัยที่ทำในต่างประเทศและในประเทศไทยในการแจกแจงประเภทผู้นำของผู้บริหารระดับกลางขององค์กร โดยมีจำนวนร้อยละในแต่ละกลุ่มดังนี้ นักบริหาร (ร้อยละ 12.3) ผู้นำเผด็จการที่มีศิลปะ (ร้อยละ 12.3) นักพัฒนา (ร้อยละ 11.8) ผู้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ (ร้อยละ 9.6) ผู้ประนีประนอม (ร้อยละ 14.4) ผู้นำเผด็จการ (ร้อยละ 12.3) นักบุญ (ร้อยละ 10.7) ผู้นำหนีงาน (ร้อยละ 16.6)
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเรื่องนี้ได้แก่ ผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาคจำนวน 187 คน ซึ่งรับผิดชอบสำนักงานประปาโดยมีผู้ช่วยระดับหัวหน้างาน 3 ตำแหน่งคือ หัวหน้างานผลิต หัวหน้างานบริหาร และหัวหน้างานบริการ หน่วยงานนี้เป็นองค์กรระดับล่างที่จะนำนโยบายจากส่วนกลางไปสู่การปฏิบัติ ต้องทำหน้าที่ไม่เฉพาะที่เป็นหน้าที่โดยตรง แต่ต้องประสานงานระหว่างส่วนกลาง เขต และประชาชน จึงนับเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญมากของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ประสิทธิผลการบริหารงานของบุคคลกลุ่มนี้ถือเป็นความสำเร็จของรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค ผู้จัดการกลุ่มนี้อยู่ในตำแหน่งมามากกว่า 2 ปี เป็นชายล้วน แต่งงานแล้วเกือบทั้งหมด มีการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับ ปวช. (41.2 เปอร์เซนต์) รองลงมาคือ ปวส. (34.8 เปอร์เซนต์) มีประสบการณ์บริหารในตำแหน่งมากกว่า 10 ปีขึ้นไปถึงร้อยละ 58.1 และร้อยละ 61.5 มีอายุมากกว่า 45 ปี กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดทำหน้าที่เป็นผู้จัดการประปาอยู่ทั่วราชอาณาจักรไทยรวม 70 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ.
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมีทั้งหมด 2 ชุด ชุดแรกเป็นมาตรวัดประเภทผู้นำของเรดดิน ชุดที่สองเป็นคำถามเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้จัดการ รูปแบบการบริหารงานของผู้จัดการ สถานการณ์ในหน่วยงาน (อำนาจในตำแหน่ง โครงสร้างงาน และความสัมพันธ์กับลูกน้อง) ความสามัคคีของสมาชิกและประสิทธิผลของผู้จัดการ การตอบแบบสอบถามทุกคนตอบในห้อง เมื่อว่างจากการอบรม หรือสัมมนา ผู้วิจัยได้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของคำตอบทุกส่วน และทุกฉบับก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลได้ใช้โปรแกรมสำเร็จ SPSS/PC+ โดยแบ่งการวิเคราะห์เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อศึกษาลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างรวมทั้งลักษณะของตัวแปรต่าง ๆ ส่วนที่สองเป็นการใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์ความแปรปรวน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ และการวิเคราะห์จำแนกประเภท (discriminant analysis) เพื่อทดสอบสมมุติฐานส่วนที่สามเป็นผลวิเคราะห์เพิ่มเติมในสิ่งที่ผู้วิจัยสนใจ
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า 1) มาตรวัดของเรดดินสามารถแจกแจงประเภทของผู้จัดการได้ และสอดคล้องกับประสิทธิผลการบริหารงานของผู้จัดการ ซึ่งประเมินโดยผู้บังคับบัญชาและประเมินโดยผู้จัดการเอง ตรงตามแนวคิดทฤษฎีของเรดดิน 2) ชุดตัวแปรที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิผลการบริหารงานของผู้จัดการ ได้แก่ ภาวะผู้นำ รองลงมา ได้แก่ จำนวนพนักงานในหน่วยงาน อันดับสามประสบการณ์การบริหาร อันดับสี่และห้าได้แก่ระดับการศึกษา และการบริหารงานโดยยึดกฎระเบียบ 3) ชุดตัวแปรที่สามารถอธิบายประสิทธิผลขององค์กร (กำไรค่าน้ำเฉลี่ยในช่วง 4 ปีต่อต้นทุน 100 บาท) อันดับ 1 ได้แก่ จำนวนพนักงานในหน่วยงาน (อธิบายได้ร้อยละ 47) รองลงมาเป็นเงินเดือนหรือระดับชั้นของผู้จัดการ (อธิบายเพิ่มได้ 3 เปอร์เซนต์) อันดับสาม ความสามัคคีในหน่วยงาน อันดับสี่และห้า ได้แก่โครงสร้างงานและจำนวนครั้งการฝึกอบรมด้านบริหาร (3 ตัวแปรสามารถอธิบายเพิ่มได้ 2 เปอร์เซนต์) 4) ชุดตัวแปรที่สามารถอธิบายประสิทธิผลขององค์การ (คะแนนองค์ประกอบของ 6 ตัวแปร ได้แก่ อัตราการเพิ่มกำไรค่าน้ำ อัตราการเพิ่มจำนวนผู้ใช้น้ำ อัตราการลดการสูญเสียน้ำ อัตราการลดหนี้ของผู้ใช้น้ำ ฯลฯ) อันดับหนึ่งได้แก่ ขนาดของเมือง (อธิบายได้ร้อยละ 11) รองลงมาได้แก่ ประสบการณ์การบริหารงาน (อธิบายเพิ่มได้ 4 เปอร์เซนต์) อันดับสาม สี่ และห้าได้แก่ จำนวนครั้งที่ฝึกอบรมการบริหาร การบริหารงานโดยยึดกฎระเบียบ และความมีมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหาร (อธิบายเพิ่มได้ 3 เปอร์เซนต์) 5) ผลวิเคราะห์ไม่พบนัยสำคัญทางสถิติของปัจจัยเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้จัดการ และวิธีการบริหารงานของผู้จัดการที่มีต่อประเภทผู้นำ 8 ประเภท ซึ่งแจกแจงโดยมาตรวัดของเรดดิน อย่างไรก็ดีตัวแปรการบริหารงานของผู้จัดการส่วนภูมิภาค แม้จะไม่พบนัยสำคัญทางสถิติของปัจจัยทั้งสี่ต่อประเภทผู้นำแต่ก็พบว่ามีผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานของผู้จัดการ (ประเมินโดยผู้บังคับบัญชา และประเมินโดยผู้จัดการเอง) โดยเฉพาะการบริหารที่ยึดกฎระเบียบ และการบริหารที่มุ่งประสิทธิผลของงาน สำหรับตัวแปรระดับการศึกษา สถานการณ์ในหน่วยงาน และความสามัคคีของสมาชิก เป็นอีกสามตัวแปรที่การศึกษานี้พบว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญน้อย เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นผู้จัดการหน่วยงานที่รับผิดชอบงานแบบเดียวกัน รับนโยบายมาจากส่วนกลางเหมือนกัน มีวิธีดำเนินงานไม่แตกต่างกัน ตัวแปรดังกล่าวจึงมีค่าเกือบคงที่ ฉะนั้นจึงควรศึกษาเพิ่มเติม โดยใช้กลุ่มตัวอย่างที่มีความผันแปรในเรื่องดังกล่าวจากองค์กรหลาย ...
ในส่วนที่เกี่ยวกับการแจกแจงประเภทผู้นำของผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาคพบว่า ผู้จัดการที่มีประสิทธิผลต่ำมีจำนวนมากกว่าผู้จัดการที่มีประสิทธิผลสูงเล็กน้อย และกลุ่มผู้นำหนีงาน รวมกับนักบุญ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประสิทธิผลต่ำสุด มีถึงร้อยละ 27.3 ของผู้จัดการทั้งหมด ซึ่งสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคควรจะให้ความสนใจปรับปรุงแก้ไข อย่างไรก็ดีจำนวนร้อยละในแต่ละกลุ่มก็สอดคล้องกับผลงานวิจัยที่ทำในต่างประเทศและในประเทศไทยในการแจกแจงประเภทผู้นำของผู้บริหารระดับกลางขององค์กร โดยมีจำนวนร้อยละในแต่ละกลุ่มดังนี้ นักบริหาร (ร้อยละ 12.3) ผู้นำเผด็จการที่มีศิลปะ (ร้อยละ 12.3) นักพัฒนา (ร้อยละ 11.8) ผู้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ (ร้อยละ 9.6) ผู้ประนีประนอม (ร้อยละ 14.4) ผู้นำเผด็จการ (ร้อยละ 12.3) นักบุญ (ร้อยละ 10.7) ผู้นำหนีงาน (ร้อยละ 16.6)
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ด.(การบริหารการพัฒนา))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2536.