อุบลวรรณ เปรมศรีรัตน์กัญญาธิภัทร์ กฤดาภร2023-01-202023-01-202017b199267https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6221วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (นิเทศศาสตร์และนวัตกรรม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลยุทธ์การประกอบสร้างเนื้อหาภาพยนตร์ให้เกิด ความนิยมของมาร์เวลสตูดิโอโดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยกระบวนการวิเคราะห์เนื้อหาจากภาพยนตร์จากมาร์เวลสตูดิโอจํานวน 2 เรื่อง คือ Marvel’s The Avengers และ Avengers : Age of Ultron ผลการวิจัยพบว่า กลยุทธ์การประกอบสร้างเนื้อหาภาพยนตร์ให้เกิดความนิยมของมาร์เวลสตูดิโอหัวใจสำคัญอยู่ที่กลยุทธ์ Marvel Cinematic Universe คือการผลิตภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่หลาย ๆ เรื่องของมาร์เวลที่มีความเกี่ยวเนื่องกันโดยเริ่มต้นจากภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่แต่ละคน ซึ่งทําให้ผู้ชมรู้สึกผูกพัน คุ้นเคย ทราบที่มาที่ไปของตัวละคร แล้วนําหลาย ๆ ตัวละครจาก ภาพยนตร์เดี่ยวของตัวเองมารวมกันในภาพยนตร์ Marvel’s The Avengers และ Avengers : Age of Ultron และเรื่องต่อๆ มาก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอีก เรียกได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์กลยุทธ์ Marvel Cinematic Universe นี้มีระบบการทํางานที่เริ่มตั้งแต่การเขียนบทการคัดเลือก นักแสดง และทุก ๆ ขั้นตอนการสร้างภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่ต้องสอดคล้องต่อเนื่องกัน ผู้กํากับ ภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะต้องมาพูดคุยกันเพื่อวางแผนให้ทิศทางของหนังแต่ละเรื่องสอดประสาน อย่างลงตัวรวมถึงกลวิธีการเล่าเรื่องจากมาร์เวลสตูดิโอนั้นตอนจบของเรื่องหรือที่เรียกกันว่า End Credit (ส่วนที่แสดงรายชื่อนักแสดงทีมงาน ผู้มีส่วนร่วมต่าง ๆของหนัง) ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียม ของหนังมาร์เวลเกือบทุกเรื่องที่หลัง End Credit จะมีฉากลับเล็กๆ น้อย ๆ เพื่อบอกใบ้ภาคต่อไป หรือเชื่อมไปหาเรื่องอื่นในจักรวาลซึ่งฉากดังกล่าว กลายเป็นลูกเล่นที่ผู้ชมติดตามชมมาตลอดตั้งแต่ปี 2008 รวมถึงสร้างกระแสความนิยม อีกทั้งยังเพิ่มฐานผู้ชมหนังซุปเปอร์ฮีโร่กว้างขึ้นอีกไปทั่วโลก149 แผ่นapplication/pdfthaผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)ภาพยนตร์ -- แง่สังคม -- ไทยภาพยนตร์ -- ไทยกลยุทธ์การประกอบสร้างเนื้อหาภาพยนตร์ให้เกิดความนิยมของมาร์เวลสตูดิโอStrategic content creation for maximizing popularity in marvel studio's filmstext--thesis--master thesis10.14457/NIDA.the.2017.107