วิสาขา ภู่จินดาสมปรารถนา ขจรวงศ์ไพศาล2025-07-092025-07-092013https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7157การศึกษาวิจัยเรื่อง “แนวทางการพัฒนาหลักเกณฑ์การขอทุนวิจัยหลังปริญญาเอก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์กับมหาวิทยาลัยของรัฐ” มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิผลของโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์และเสนอการปรับปรุงโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกหรือการพัฒนาโครงการวิจัยที่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ด้านการวิจัย ในการวิจัยนี้ได้ใช้แบบสัมภาษณ์นักวิจัยและอาจารย์ที่ปรึกษาที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ประกอบด้วยคำถามปลายเปิดซึ่งผู้วิจัยจะต้องนำมาสังเคราะห์ความเห็นเพื่อให้ได้ข้อมูลและผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากเอกสาร และจากการสัมภาษณ์เชิงลึกมาวิเคราะห์เนื้อหา และอาศัยกรอบแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมาร่วมวิเคราะห์คำตอบ ผลการวิจัย พบว่าประสิทธิผลของการดำเนินงานโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกนักวิจัยมีความเข้าใจโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกซึ่งความรู้ที่นักวิจัยมีเหมาะสมกับการทำโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกมีความรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีแต่ยังขาดประสบการในการตีพิมพ์โครงการวิจัยหลังปริญญาเอกจะประสบความสาเร็จได้จะต้องอาศัยประสบการณ์ของอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการตีพิมพ์เพื่อนักวิจัยจะได้ผลงานในการตีพิมพ์ที่มีคุณภาพ ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกซึ่งพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่จากการการขาดประสบการณ์ในการตีพิมพ์และไม่ทำตามเงื่อนไขของการตีพิมพ์ทำให้ไม่สามารถตีพิมพ์ได้ ปัจจัยเกี่ยวกับโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกผู้ขอรับทุนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและขั้นตอนการทางานวิจัยอย่างดี แนวทางการพัฒนาโครงการวิจัยหลังปริญญาเอก ควรมีคู่มือของโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกที่ระบุทั้งกฎระเบียบและแนวทางในการปฏิบัติทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และควรมีแบบฟอร์มต่างๆ ที่ระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนพร้อมคำแนะนำรวมถึงปรับปรุงการปฏิบัติงานให้มีความรวดเร็วและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น และมีผู้เชี่ยวชาญในการตีพิมพ์ที่คอยให้คาปรึกษาแก่นักวิจัย89 แผ่นapplication/pdfengผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)ทุนอุดหนุนการวิจัยแนวทางการพัฒนาหลักเกณฑ์การขอทุนวิจัยหลังปริญญาเอก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์กับมหาวิทยาลัยของรัฐtext::report::research report10.82164/res.e7jx-2g67