สุพรรณี ไชยอำพร, อาจารย์ที่ปรึกษาอาทิตย์ บุดดาดวง2014-05-052014-05-052011http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/2088วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การบริหารการพัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2011การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสถานะของทุนทางสังคมที่มีอยู่ในชุมชนบ้าน บางไพร 2) ศึกษาวิธีการนําทุนทางสังคมออกมาใช้ของชุมชนบ้านบางไพร และ 3) ศึกษาปัญหาอุปสรรคในการนําทุนทางสังคมออกมาใช้ของชุมชนบ้านบางไพร เป็นการศึกษาเฉพาะกรณี โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นหลัก ใช้การสัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับผู้ให้ข้อมูลที่สําคัญ 15 ราย ซึ่งผลการศึกษาพบว่า ชุมชนบ้านบางไพรมีทุนทางสังคมที่เด่นชัดที่สุด คือ “เครือข่ายทางสังคม” ที่มีความเข้มแข็ง มีผลงานและรางวัลมากมาย รองลงมา คือ “ความรู้และ ภูมิปัญญา” โดยเฉพาะด้านการประกอบอาชีพ อันดับ 3 คือ “ความเห็นอกเห็นใจ ต่างตอบแทน เอื้ออาทร ช่วยเหลือกัน” ซึ่งมีการแสดงให้เห็นมาตั้งแต่อดีตถึงปจจุบัน โดยมีการนํา ทุนทางสังคมไปใช้ใน 3 ระดับ คือ 1) ระดับเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตและครอบครัว ของตนเอง 2) ประโยชน์ต่อกลุ่มหรือเครือข่ายการประกอบอาชีพและการประกอบการ และ 3) กลุ่มหรือเครือข่ายการพัฒนาชุมชนโดยรวม ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่พบในนําเอาทุนทางสังคม ออกมาใช้ ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้งในผลประโยชน์ทางธุรกิจและการสนับสนุนแบบ เลือกปฏิบัติ ปัญหาคนทํางานสังคมมีน้อย ปัญหาความปลอดภัยจากนอกชุมชน และในการที่ทําให้ชุมชนมีลักษณะความสัมพันธ์และสภาพที่ชุมชนพึงปรารถนาได้นั้น จะต้องอาศัย กระบวนการในการขับเคลื่อน ได้แก่ การสร้างความตระหนักให้คนในชุมชนเริ่มคิดที่จะพัฒนา ชุมชนร่วมกัน การค้นหาศักยภาพและทุนทางสังคมในชุมชนที่เหมาะสม การสร้างผู้นําหรือ แกนนําเพิ่มขึ้น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การลงมือทําอย่าง มีส่วนร่วมทั้งชุมชน ภาครัฐและเอกชน การติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง และมีการขยายผล10, 135 แผ่น ; 30 ซม.application/pdfthaผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)HM 708 อ24 2011ทุนทางสังคม -- ไทย -- สมุทรสงคราม -- บางคนที -- บ้านบางไพรความสามารถในการนำทุนทางสังคมออกมาใช้ของชุมชนบ้านบางไพร อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามThe social capital implementation ability of Ban Bang Phrai Community, Bangkhonthi District, Samut Songkram Provincetext--thesis--master thesis10.14457/NIDA.the.2011.68