สุดสันต์ สุทธิพิศาลสุรเชษฏ์ อ่ำสั้น2022-06-072022-06-072017b201169https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5868วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การจัดการการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2560การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้1) เพื่อสำรวจสภาพปัจจุบัน ของแหล่งท่องเที่ยวโดย ชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยสนับสนุนการกลับมาเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยวในแหล่ง ท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยว กลับมาเที่ยวซ้ำ ในแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงใหม่โดยศึกษาระดับความพึงพอใจของ นักท่องเที่ยวต่อแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยครอบคลุมความพึงพอใจ 5 ด้าน ไดแ้ก่1) ความพึง พอใจด้านสิ่งดึงดูดใจเพื่อการท่องเที่ยว 2)ความพึงพอใจด้านการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว 3)ความพึง พอใจด้านกิจกรรมการท่องเที่ยว 4) ความพึงพอใจด้านที่พักแรม และ 5) ความพึงพอใจด้านสิ่ง อำนวยความสะดวกวิธีการศึกษาแบ่งตามวัตถุประสงค์ คือ วัตถุประสงค์ข้อที่ 1) เพื่อสำรวจสภาพปัจจุบันของ แหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยศึกษาด้วยวิธีการสำรวจ วัตถุประสงค์ข้อที่ 2) เพื่อศึกษาปัจจยัสนับสนุนการกลับมาเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยวในแหล่ง ท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงใหม่โดยการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจาก นักท่องเที่ยวที่มีความตั้งใจกลับมาเที่ยวซ้ำในแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 400คน สถิติที่ใช้ในการศึกษาคือร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทีและ นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาทั้ง 2 ด้านมาสรุปเพื่อเป็นแนวทางการสนับสนุนการกลับ มาเที่ยวซ้ำ ใน แหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ชมุชน ควรรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติและอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนไว้ เพราะเป็น ปัจจัยหลักทำให้นักท่องเที่ยวกลับ มาเที่ยวซ้ำ ในแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน188 แผ่นapplication/pdfthaผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)แหล่งท่องเที่ยว -- การจัดการการท่องเที่ยว -- การจัดการ -- ไทย -- เชียงใหม่การท่องเที่ยว -- ไทย -- เชียงใหม่แนวทางการสนับสนุนการกลับมาเที่ยวซ้ำในแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดเชียงใหม่Guidelines forSupport Revisiting in Community-Based Tourism in Chiang Mai, Thailandtext--thesis--master thesis10.14457/NIDA.the.2017.213