ภัคพงศ์ พจนารถอัจฉรา โยมสินธุ์ธิดารัตน์ แผนพรหม2025-08-092025-08-092024https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7194การค้นคว้าอิสระ คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2567การศึกษาเรื่อง “แนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้สัก ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนกรณีศึกษาอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมไม้สัก และศึกษาแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้สัก ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้สัก จังหวัดแพร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) กับผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไม้สัก อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ผลการศึกษาพบว่าอุตสาหกรรมไม้สักในจังหวัดแพร่มีความเข้มแข็งจากรากฐานวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน ทั้งยังมีห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอย่างชัดเจน ทั้งนี้จากผลการศึกษาพบว่าวัตถุดิบไม้สักมาจาก 4 แหล่งที่มา ได้แก่ 1) สวนป่าเอกชน/เกษตรกรรายย่อย 2) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) 3) ไม้สักเรือนเก่า และ 4) การรับซื้อไม้แปรรูปจากจังหวัดอื่น ผู้ประกอบการมีทั้งในระดับครัวเรือน (โรงงานใต้ถุนบ้าน) และระดับอุตสาหกรรม เช่น องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ อ.อ.ป. แต่ปัญหาและอุปสรรคที่พบในอุตสาหกรรมไม้สักยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องคุณภาพไม้จากสวนป่าเอกชน และการเข้าถึงโรงอบไม้ในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ในด้านกิจกรรมของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) พบว่ากิจกรรมหลักที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ 1) การจัดหาวัตถุดิบ 2) การแปรรูปไม้ 3) การจัดจำหน่ายสินค้า 4) การตลาด และ 5) การให้บริการลูกค้า โดยมีโครงสร้างสนับสนุนจากนโยบายรัฐ เทคโนโลยี ทักษะแรงงาน และการบริหารจัดการวัตถุดิบ ส่วนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ถูกนำมาเป็นแนวปฏิบัติในอุตสาหกรรมไม้สักผ่าน 4 กิจกรรม ได้แก่ 1) Reduce: ลดการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น 2) Reuse: การนำเศษไม้ ปีกไม้ และขี้เลื่อยในกระบวนการผลิต มาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์อีกครั้ง 3) Recycle: นำไม้เรือนเก่ามาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ 4) Regenerate: มีการปลูกไม้ทดแทนในสวนป่าของ อ.อ.ป. ทั้งนี้แม้จะมีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแต่อุตสาหกรรมไม้สักจังหวัดแพร่ยังคงเผชิญกับข้อจำกัด ได้แก่ การแก้ไขระเบียบและข้อบังคับกฎหมาย ขั้นตอนการขออนุญาตที่ซ้ำซ้อน การขาดเทคโนโลยีระบบฐานข้อมูลกลาง และแรงจูงใจที่ไม่เพียงพอในการส่งเสริมการปลูกไม้สักทดแทนในกลุ่มเกษตรกรรายย่อย ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้สักอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การลดขั้นตอนและปรับปรุงระเบียบข้อกฎหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปลูกสวนป่าทดแทน 2) การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง (One Stop Service) เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนกลับได้ 3) การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น โรงอบไม้ และเทคโนโลยีการอัดความร้อนในการแปรรูปไม้คุณภาพต่ำ 4) การสร้างตลาดผลิตภัณฑ์ไม้หมุนเวียน และส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจทดแทน กล่าวโดยสรุป อุตสาหกรรมไม้สักจังหวัดแพร่มีความเข้มแข็งในหลายด้าน แต่ยังมีจุดเปราะบาง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตรายย่อยในด้านการเข้าถึงทรัพยากรและเทคโนโลยี การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ลดของเสีย และนำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยต้องอาศัยการร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นระบบ ซึ่งการนำแนวทางการดำเนินงานนี้มาสู่แนวทางการฏิบัติจะช่วยให้จังหวัดแพร่สามารถยกระดับอุตสาหกรรมไม้สักให้กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาอุตสาหกรรมไม้ในระดับประเทศได้อย่างยั่งยืน2 แผ่นapplication/pdfthaผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)อุตสาหกรรมไม้สักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไม้สักการแปรรูปไม้เศรษฐกิจหมุนเวียนแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้สัก ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนกรณีศึกษาอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่text::report::research report