บรรเจิด สิงคะเนติอัษฎาวุธ วสนาท2019-02-122019-02-122015b189999http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4246วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558งานวิจัยเรื่องนี้มุ่งหมายเพื่อทำการศึกษาถึงมาตรการทางกฎหมายในการจัดตั้งพุทธอุทยาน ผ่านกรณีศึกษาโครงการพุทธอุทยานในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาถึงความ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนานับแต่ครั้งพุทธกาลที่มีปรากฏ ในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนา รวมถึงได้ ทำการศึกษาว่าการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบของพุทธอุทยานของชุมชน สงฆ์ในปัจจุบันนั้นเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในส่วนที่ว่าด้วยสิทธิชุมชนหรือไม่จากการศึกษาพบว่า เพื่อให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างสมดุล และยั่งยืนจำเป็นที่จะต้องให้ชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในการจัดการ ซึ่งชุมชนสงฆ์ในรูปแบบของวัดหรือ สำนักสงฆ์นั้นถือเป็นชุมชน อันเป็นผู้ทรงสิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในอันที่จะมีสิทธิเข้ามี ส่วนร่วมกับภาครัฐในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมได้ และที่สำคัญชุมชนสงฆ์เป็นชุมชนที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นไปโดยสอดคล้องหลักการว่าด้วย การพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับการจัดตั้งพุทธอุทยานในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในปัจจุบันนั้น เป็นโครงการของ รัฐที่ได้ผลักดันให้ชุมชนสงฆ์ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในป่าอนุรักษ์ให้สามารถอยู่ในป่าได้โดยไม่ตกเป็นผู้กระทำ ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ซึ่งส่งผลให้พระสงฆ์ต้องรับภาระหน้าที่ในการช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์และจากการที่มอบพื้นที่ให้ชุมชนสงฆ์ช่วยดูแลในจำนวนที่มากเกินไปนั้น ได้กลายเป็นภาระหนักของพระสงฆ์ไปในที่สุด อันเป็นลักษณะการใช้อำนาจในการจัดการทรัพยากร โดยรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ที่ไม่ได้พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของ การอยู่อาศัยในป่าของพระสงฆ์และการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงซึ่งเมื่อ พิจารณาถึงเจตนารมณ์ในการจัดตั้งพุทธอุทยานในพระพุทธศาสนาที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกแล้ว พบว่าเจตนารมณ์สำคัญในการจัดตั้งพุทธอุทยานนั้นเพื่อให้มีพื้นที่ธรรมชาติที่มีความเหมาะสมในการ ฝึกปฏิบัติตนตามหลักของพระพุทธศาสนาเพื่อเข้าถึงซึ่งหลักธรรมตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงวางเป็น แนวทางไว้รวมถึงได้บัญญัติกลไกในการควบคุมความประพฤติของพระสงฆ์ให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเป็นมิตรหาใช่เป็นไปเพื่อการครอบครองในลักษณะเข้าถือเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว แต่อย่างใดไม่การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้มีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติป่าสงวน แห่งชาติ พ.ศ.2507 โดยเพิ่มเติมข้อความที่ระบุถึงความมีตัวตนของชุมชนไว้ในมาตรา 16 รวมทั้งได้ เสนอให้มีการยกร่างระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการจัดตั้งพุทธอุทยานขึ้นเป็นการเฉพาะ แยกต่างหาก จากระเบียบบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2548 โดยกำหนดให้มีมาตรการควบคุมเป็นการเฉพาะทั้งกระบวนการภายในชุมชนสงฆ์และ กระบวนการการควบคุมโดยรัฐ และกำหนดให้มีคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมใน การพิจารณาและควบคุมการจัดตั้งพุทธอุทยาน เพื่อให้การจัดตั้งพุทธอุทยานเป็นไปโดยสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง274 แผ่นapplication/pdfthaผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)พุทธอุทยานสิทธิชุมชนการมีส่วนร่วมของชุมชนสงฆ์ตามบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิชุมชน มาตรา 66 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ศึกษาเฉพาะกรณีโครงการพุทธอุทยานParticipation of the monastic community in accordance with the provisions on community rights under section 66 of the constitution of the Buddhist Park Projecttext--thesis--master thesis10.14457/NIDA.the.2015.224