ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวชดนภัทร เพียรธรรม2024-11-282024-11-282024https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7009วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (นิเทศศาสตร์และนวัตกรรม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2567การวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ผลต่อการตัดสินใจใช้งานสกุลเงิน Libra ในกลุ่มคนวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร และการยอมรับเทคโนโลยีในกลุ่มคนวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร ศึกษาบนพื้นฐานทฤษฎีแบบจำลองการยอมรับเทคโนโลยี (TAM) ดำเนินการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลแบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสนทนากลุ่ม (Focus Group) แบ่งผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทอล ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มวัยทำงานในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 26 คน ผลการศึกษาพบว่า การรับรู้ประโยชน์ และการรับรู้ความง่าย มีอิทธิพลร่วมกันต่อทัศนคติการใช้งานแอปพลิเคชันในการซื้อขายสกุลเงิน Libra สกุลเงิน Libra นั้นมีผลช่วยทำให้มีภาพลักษณ์ทางสังคมที่ดีขึ้น ด้านความรวดเร็วและสะดวกสบายในการทำธุรกรรมเป็นประเด็นสำคัญมากที่สุด จุดแข็งของ Libra คือการเป็นเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ (Stable Coin) การเคยซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายบริการของ Facebook จะส่งผลให้เกิดความสนใจใช้งานสกุลเงินเงิน Libra สื่อได้ถึงความภักดีต่อสินค้าและบริการ ปัจจัยด้านอิทธิพลจากเครือข่าย ส่งผลต่อการเลือกใช้งานสกุลเงิน Libra ไปในทิศทางที่เป็นลบ โดยให้เหตุผลด้วยที่รัฐบาลสหรัฐประกาศซื้อขาย Future Bitcoin Contract ทำให้เกิดการเก็งกำไร รวมไปถึงนโยบายของรัฐบาลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้สกุลเงิน Libra และการเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินที่ใช้อยู่เป็นสกุลเงิน Libra มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ด้านความเสี่ยงผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นว่ามีอุปสรรคสำคัญที่ต้องผ่านไปให้ได้ คือ ต้องรับการอนุมัติจากรัฐบาลทั่วโลก และอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางการเงินหาก Libra เข้ามาในอุตสาหกรรมการเงินแล้วบอกว่าต่อไปนี้ไม่มีค่าธรรมเนียม73 แผ่นapplication/pdfthaผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)แบบจำลองการยอมรับเทคโนโลยีFacebook LibraDiemสกุลเงินดิจิตอลสกุลเงินดิจิทัลการศึกษาสกุลเงินดิจิตอลของ Facebook Libra (Diem) ในประเทศไทยThe study of digital currency Facebook Libra (Diem) in Thailandtext::thesis::master thesis10.14457/NIDA.the.2024.12