ความสัมพันธ์ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ
Publisher
Issued Date
1968
Issued Date (B.E.)
2511
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
285 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
กริช อัมโภชน์ (1968). ความสัมพันธ์ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1114.
Title
ความสัมพันธ์ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ
Alternative Title(s)
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ศึกษาหลักการและวิธีปฏิบัติรวมทั้งการประสานงานเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐ ซึ่งหน่วยงานทั้งสองมีหน้าที่รับผิดชอบประการหนึ่ง และผลประโยชน์ทางด้านเอกชนผู้เกี่ยวข้องในการนำสินค้าเข้า ที่จะได้รับจากหน่วยงานทั้งสองฝ่ายในลักษณะของความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และความเป็นธรรม เป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาอีกประการหนึ่ง.
จากผลการศึกษาปรากฏว่าความสัมพันธ์ในการปฏิบัติงานหรือการบริหารงานเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นความสัมพันธ์ที่มีผลกระทบกระเทือนต่อการบริหารงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแต่ละองค์การ หรือรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ดังนั้นเพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยกรรมวิธีในการประสานงานให้ถูกต้อง ซึ่งผู้เขียนก็ได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ คือ
1. ในการปฏิบัติงานในสายที่หน่วยงานทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันอยู่เสมอ แต่ละหน่วยงานต้องไม่เพ่งเล็งถึงผลของการปฏิบัติงานภายในสายงานของตนแต่ประการเดียว ควรคำนึงถึงผลกระทบกระเทือนอันอาจเกิดขึ้นกับการปฏิบัติงานของอีกหน่วยหนึ่งด้วย.
2. ทั้งกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย ควรกำหนดวัตถุประสงค์หรือแนวนโยบายในการบริหารงานเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้าในส่วนหน่วยงานทั้งสองร่วมกันเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป.
3. ทั้งกรมศุลกากรและการท่าเรือฯ ควรจะดำเนินการให้พนักงานที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันขององค์การทั้งสอง ได้มีความรู้ความเข้าใจวิธีการปฏิบัติงานของอีกองค์การหนึ่งนอกเหนือจากวิธีปฏิบัติงานในองค์การของตน
4. ควรสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพนักงานของทั้งสององค์การ โดยอาจประชุมซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน หรือโดยการพบปะสังสรรค์กันเป็นการส่วนตัว ฯลฯ.
5. ปัญหาอันเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ควรจะร่วมมือกันแก้ไขโดยเร็ว.
6. บรรดาเอกสารที่หน่วยงานทั้งสองจะต้องใช้ร่วมกัน ควรร่วมกันพิจารณาและกำหนดให้มีขึ้นในลักษณะที่จะอำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่การปปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่าย.
7. คำสั่ง ระเบียบ หรือข้อบังคับ ซึ่งออกโดยแต่ละฝ่ายนอกจากจะแจ้งให้หน่วยงานภายในทราบแล้ว ควรแจ้งไปยังหน่วยงานของอีกฝ่ายหนึ่งทราบด้วย.
8. ควรจัดทำหนังสือคู่มือพิธีการทางศุลกากร และพิธีการของการท่าเรือฯ เกี่ยวกับการนำสินค้าเข้าทางเรือ ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ขึ้น
9. เจ้าหน้าที่ประสานงานระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือฯ และคณะกรรมการอื่น ๆ เกี่ยวกับการนำสินค้าเข้า ควรจะมีอำนาจหน้าที่กว้างขวางพอที่จะดำเนินการหรือแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องได้
10. องค์การทั้งสองควรมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเรือสินค้าต่างประเทศ ตัวแทนบริษัท เจ้าของสินค้าและผู้ออกของ.
จากผลการศึกษาปรากฏว่าความสัมพันธ์ในการปฏิบัติงานหรือการบริหารงานเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นความสัมพันธ์ที่มีผลกระทบกระเทือนต่อการบริหารงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแต่ละองค์การ หรือรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ดังนั้นเพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยกรรมวิธีในการประสานงานให้ถูกต้อง ซึ่งผู้เขียนก็ได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ คือ
1. ในการปฏิบัติงานในสายที่หน่วยงานทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันอยู่เสมอ แต่ละหน่วยงานต้องไม่เพ่งเล็งถึงผลของการปฏิบัติงานภายในสายงานของตนแต่ประการเดียว ควรคำนึงถึงผลกระทบกระเทือนอันอาจเกิดขึ้นกับการปฏิบัติงานของอีกหน่วยหนึ่งด้วย.
2. ทั้งกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย ควรกำหนดวัตถุประสงค์หรือแนวนโยบายในการบริหารงานเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้าในส่วนหน่วยงานทั้งสองร่วมกันเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป.
3. ทั้งกรมศุลกากรและการท่าเรือฯ ควรจะดำเนินการให้พนักงานที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันขององค์การทั้งสอง ได้มีความรู้ความเข้าใจวิธีการปฏิบัติงานของอีกองค์การหนึ่งนอกเหนือจากวิธีปฏิบัติงานในองค์การของตน
4. ควรสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพนักงานของทั้งสององค์การ โดยอาจประชุมซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน หรือโดยการพบปะสังสรรค์กันเป็นการส่วนตัว ฯลฯ.
5. ปัญหาอันเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ควรจะร่วมมือกันแก้ไขโดยเร็ว.
6. บรรดาเอกสารที่หน่วยงานทั้งสองจะต้องใช้ร่วมกัน ควรร่วมกันพิจารณาและกำหนดให้มีขึ้นในลักษณะที่จะอำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่การปปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่าย.
7. คำสั่ง ระเบียบ หรือข้อบังคับ ซึ่งออกโดยแต่ละฝ่ายนอกจากจะแจ้งให้หน่วยงานภายในทราบแล้ว ควรแจ้งไปยังหน่วยงานของอีกฝ่ายหนึ่งทราบด้วย.
8. ควรจัดทำหนังสือคู่มือพิธีการทางศุลกากร และพิธีการของการท่าเรือฯ เกี่ยวกับการนำสินค้าเข้าทางเรือ ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ขึ้น
9. เจ้าหน้าที่ประสานงานระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือฯ และคณะกรรมการอื่น ๆ เกี่ยวกับการนำสินค้าเข้า ควรจะมีอำนาจหน้าที่กว้างขวางพอที่จะดำเนินการหรือแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องได้
10. องค์การทั้งสองควรมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเรือสินค้าต่างประเทศ ตัวแทนบริษัท เจ้าของสินค้าและผู้ออกของ.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร์))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511.