การมีส่วนร่วมของสตรีระดับผู้บริหารในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมในกรุงเทพมหานคร
Publisher
Issued Date
1994
Issued Date (B.E.)
2537
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
[12], 160 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
วารี เจริญกุลไชย (1994). การมีส่วนร่วมของสตรีระดับผู้บริหารในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมในกรุงเทพมหานคร. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1756.
Title
การมีส่วนร่วมของสตรีระดับผู้บริหารในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมในกรุงเทพมหานคร
Alternative Title(s)
The participation of executive women in small-scale business in Bangkok
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะการมีส่วนร่วมของผู้บริหารกิจการธุรกิจขนาดย่อม โดยเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจ ระหว่างผู้บริหารกิจการที่เป็นเพศชายและผู้บริหารกิจการที่เป็นเพศหญิง รวมทั้งศึกษาปัจจัยที่คาดว่า จะมีผลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมของผู้บริหารกิจการทั้งชาย และหญิง ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา การได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสถานประกอบการ การได้รับการยกย่องจากการทำงานในสถานประกอบการนั้น การได้รับการพัฒนาศักยภาพจากการทำงานในสถานประกอบการนั้น และระยะเวลาปฏิบัติงานในสถานประกอบการนั้น
ผู้ศึกษารวบรวมข้อมูลจากผู้บริหารกิจการธุรกิจขนาดย่อม 264 ราย ใน 88 สถานประกอบการ และเจ้าของกิจการดังกล่าวอีก 88 ราย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าร้อยละ ค่าสถิติ t ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุ โดยวิธีการคัดเลือกตัวแปรอิสระแบบ Forward Selection.
ผลการศึกษาพบว่า.
1. ผู้บริหารทั้งชายและหญิงมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมในระดับปานกลางค่อนข้างสูง โดยไม่มีความแตกต่างกันในทุกมิติ
2. มีความสัมพันธ์เชิงปฏิฐานระหว่างปัจจัยทุกตัวที่คาดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมของผู้บริหารทั้งชายและหญิง.
3. ปัจจัยทุกตัวที่ทำการศึกษามีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจทั้งหญิงและชาย ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาในการปฏิบัติงานในสถานประกอบการนั้น ๆ การได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสถานประกอบการ การได้รับการยกย่องจากการทำงานในสถานประกอบการ และการได้รับการพัฒนาศักยภาพ.
4. มีความแตกต่างกันในลำดับความสำคัญของปัจจัยที่คาดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมของผู้บริหารทั้งชายและหญิง กล่าวคือ ลำดับแรกสำหรับผู้บริหารหญิง ได้แก่ อายุ ในขณะที่ผู้บริหารชาย ได้แก่ การได้รับการยกย่อง.
5. เจ้าของกิจการให้ความเห็นว่า ปัญหาที่เกิดจากผู้ร่วมงานสตรีที่สำคัญในลำดับแรกคือ สตรีมีความลำเอียงไม่เป็นธรรม และให้ข้อเสนอแนะว่าต้องการผู้ร่วมงานสตรีที่มีความสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้รวดเร็ว.
ผู้ศึกษารวบรวมข้อมูลจากผู้บริหารกิจการธุรกิจขนาดย่อม 264 ราย ใน 88 สถานประกอบการ และเจ้าของกิจการดังกล่าวอีก 88 ราย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าร้อยละ ค่าสถิติ t ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุ โดยวิธีการคัดเลือกตัวแปรอิสระแบบ Forward Selection.
ผลการศึกษาพบว่า.
1. ผู้บริหารทั้งชายและหญิงมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมในระดับปานกลางค่อนข้างสูง โดยไม่มีความแตกต่างกันในทุกมิติ
2. มีความสัมพันธ์เชิงปฏิฐานระหว่างปัจจัยทุกตัวที่คาดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมของผู้บริหารทั้งชายและหญิง.
3. ปัจจัยทุกตัวที่ทำการศึกษามีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจทั้งหญิงและชาย ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาในการปฏิบัติงานในสถานประกอบการนั้น ๆ การได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสถานประกอบการ การได้รับการยกย่องจากการทำงานในสถานประกอบการ และการได้รับการพัฒนาศักยภาพ.
4. มีความแตกต่างกันในลำดับความสำคัญของปัจจัยที่คาดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจขนาดย่อมของผู้บริหารทั้งชายและหญิง กล่าวคือ ลำดับแรกสำหรับผู้บริหารหญิง ได้แก่ อายุ ในขณะที่ผู้บริหารชาย ได้แก่ การได้รับการยกย่อง.
5. เจ้าของกิจการให้ความเห็นว่า ปัญหาที่เกิดจากผู้ร่วมงานสตรีที่สำคัญในลำดับแรกคือ สตรีมีความลำเอียงไม่เป็นธรรม และให้ข้อเสนอแนะว่าต้องการผู้ร่วมงานสตรีที่มีความสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้รวดเร็ว.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2537.