การแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
156 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
ba185732
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ฐาลินี สังฆจันทร์ (2014). การแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3304.
Title
การแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
Alternative Title(s)
The expression of citizenship of people in local government
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
หัวใจสำคัญของการกระจายอำนาจคือ การสร้างประชาธิปไตยท้องถิ่น การบรรลุจุดมุ่งหมายของแนวคิดการกระจายอำนาจคือ การเปลี่ยนจากราษฎรเป็นพลเมือง หรือประชาชนผู้คอยแต่รับบริการจากภาครัฐมาเป็ นผู้ขับเคลื่อนกระบวนการเอง การศึกษาวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อทาการศึกษาสภาพการแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป และศึกษาอิทธิพลของปัจจัยที่เกื้อหนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อการแสดงออกความเป็นพลเมือง
การศึกษาครั้งนี้เป็ นการวิจัยเชิงผสมระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ (Mixed Method) ด้วยการดำเนินการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพเป็นอันดับแรกเพื่อศึกษาสภาพพื้นที่จริงอันนำมาสู่การออกแบบและลงรายละเอียดของข้อมูลในแบบสอบถามในการวิจัยเชิงปริมาณ ให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อมูลภาพรวมจากสภาพพื้นที่จริงได้
ผลการศึกษาพบว่า ความเป็นพลเมืองของประชาชนในทั้งสองพื้นที่มีความแตกต่างกันโดยในการแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองทางการเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับรางวัลให้ความสำคัญกับสิทธิพลเมืองในการแสดงความคิดเห็นและสิทธิในการนับถือศาสนาขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปให้ความสำคัญกับสิทธิในการอยู่อาศัยและสิทธิในการได้รับการศึกษา นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับรางวัลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปให้ความสำคัญกับหน้าที่พลเมืองในด้านการปกป้องประเทศชาติ การเลือกตั้ง การติดตามข่าวสารบ้านเมือง โดยหน้าที่ในการเสียภาษีมีความสำคัญเป็นอันดับสุดท้ายในทั้งสองพื้นที่
การวิจัย ในด้านการรักษาสิทธิของผู้อื่นเพื่อการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลมีค่าเฉลี่ยการอนุญาตให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเมืองมากกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป ทั้งนี้ การแสดงออกถึงความอดทนเมื่อมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างของทั้งสองพื้นที่การวิจัยคือ การแสดงออกโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแสดงออกโดยอาการเฉยๆ และการแสดงออกโดยการพูดคุยชักจูงให้เห็นด้วยกับตนในการแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองทางการบริหาร พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลมีความคาดหวัง การตระหนักถึงปัญหา แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา ด้วยความกระตือรือร้น อันเป็นผลจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานรัฐกับประชาชน โดยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลพยายามสร้างและกระตุ้นให้ประชาชนได้เรียนรู้ในการแก้ไขและพัฒนาพื้นที่ด้วยตนเองผ่านระบบการมีส่วนร่วมแบบงบประมาณภายใต้การทาความเข้าใจระหว่างกันว่า ผู้บริหารมีช่วงเวลาที่จา กัด การพัฒนาหรือผลของการพัฒนาจำเป็นต้องดำเนินต่อเนื่องด้วยการขับเคลื่อนของภาคประชาชน ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปมองว่าประชาชนยังคงเป็ นเพียงผู้รับบริการเท่านั้น นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลยังให้ความสำคัญกับตนเองในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนมากกว่าคณะผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ แตกต่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปที่ให้ความสำคัญกับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนมากที่สุด ซึ่งผลการวิจัยยังพบอีกว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปมีความยึดติดในตัวผู้นำมากกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลอีกด้วย
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะว่า การมีส่วนร่วมในงบประมาณ เป็นกระบวนการบริหารสำคัญที่ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองได้เป็นอย่างดีในทางพฤติกรรมของหน่วยงานรัฐไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หรือข้าราชการ และพฤติกรรมของประชาชนล้วนเป็นตัวกำหนดการแสดงบทบาทอย่างใดอย่างหนึ่งของสถานะความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกันฉะนั้น เพื่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคประชาชนที่ส่งเสริมความเป็ นพลเมือง หน่วยงานรัฐควรเริ่มปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และมุมมองของผู้บริหารที่มีต่อประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ในฐานะของเจ้าของทรัพยากร ตลอดจนในฐานะผู้มีบทบาทในการขับเคลื่อนการบริการสาธารณะ ขณะเดียวกัน ในด้านของประชาชนจา ต้องมองเห็นความสา คัญของตนเองมากยิ่งขึ้น ไม่ยึดติดในตัวของผู้นำหรือนักการเมือง ประชาชนผู้มีความเป็นพลเมืองต้องมีความมั่นใจในศักยภาพในการปกครองที่ตนเอง ทั้งยังมีความสามารถในการกำหนดระบบหรือเงื่อนไขในการปกครองตลอดจนการขับเคลื่อนระบบหรือเงื่อนไขดังกล่าวด้วยตนเองได้
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557