ขอบเขตของการเป็น"ผู้ใช้": ศึกษากรณีผู้ถูกใช้ตัดสินใจกระทำความผิดเเล้วต่อมาเปลี่ยนใจไปกระทำความผิดอันใหม่ที่เป็นผลมาจากการก่อให้กระทำความผิด
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
71 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
ba185724
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
พงศ์พิงค์ มูลพงศ์อนุพันธุ์ (2014). ขอบเขตของการเป็น"ผู้ใช้": ศึกษากรณีผู้ถูกใช้ตัดสินใจกระทำความผิดเเล้วต่อมาเปลี่ยนใจไปกระทำความผิดอันใหม่ที่เป็นผลมาจากการก่อให้กระทำความผิด. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3340.
Title
ขอบเขตของการเป็น"ผู้ใช้": ศึกษากรณีผู้ถูกใช้ตัดสินใจกระทำความผิดเเล้วต่อมาเปลี่ยนใจไปกระทำความผิดอันใหม่ที่เป็นผลมาจากการก่อให้กระทำความผิด
Alternative Title(s)
Scope of to be the "instigator" : a study in the case where a person being instigated decided to commit an offence but later change intention to commit another offence as a result of instigation of an offence
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ในเรื่องผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนในคดีอาญา ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึง เฉพาะ ผู้ร่วมกระทำความผิดที่เป็นผู้ใช้ ผู้สนับสนุนเท่านั้น ในกรณีที่มีผู้กระทำความผิดหลายคน เนื่องจากในระบบกฎหมายอาญาของไทย เป็นระบบที่ยอมรับหลักการลดหย่อนโทษผุู้ร่วมกระทำความผิด ดังนั้นหากเกิดกรณีที่ต้องวิเคราะห์ว่าผู้ใดเป็นผู้ใช้ เเละผู้ใดเป็นผู้สนับสนุน ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะใช้หลักเกณฑ์อะไรมาเป็๋นจุดแบ่งแยกของการาใช้เเละการสนับสนุน นอกจากนี้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะต้องรับผิดในฐานอะไรบ้าง โดยเฉพาะเมื่อปี 2553 เนติบัญฑิตยสภาได้ออกข้อสอบกลุ่มวิชาอาญา เพื่อทดสอบนักศึกษาว่าเข้าใจหลักเรื่องผู้ใช้ ก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาว่า ใช้หลักเกณฑ์อะไรมาเป็นจุดแบ่งแยกระหว่างผู้ใช้กับผู้สนับสนุน เนื่องจากไม่ตรงกับหลักเกณฑ์ทางตำราที่ได้ศึกษาค้นคว้า
เพราะฉะนั้นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงเขียนขึ้นมาด้วยเหตุผลเดียว คือ จะศึกษาถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งแยกผู้ร่วมกระทำผิด ซึ่งจะศึกษาเฉพาะความหมายของ ผู้ใช้เเละผู้สนับสนุน เเละในกรณีที่ผู้ถูกใช้ตัดสินใจกระทำผิดเเล้วต่อมาเปลี่ยนใจไปกระทำผิดอันใหม่ที่เป็นผลมาจากการก่อให้กระทำความผิด
รวมทั้งศึกษาถึงทฤษฎีต่างๆเพื่อนำมาอธิบายปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือที่เรียกว่า "ปัญหาในทางตำรา" อย่างเป็นระบบ โดยศึกษาในสองระบบ ทั้งในระบบCommon Law เเละระบบ Civil law โดยศึกษาหลักกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งแยก เเล้วนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับผู้ใช้ เเละผู้สนับสนุน ตามกำหมายไทย
ข้อมูลที่ใช้อ้างอิงในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ได้มาจากการค้นคว้าจากตำรา บทความ เเละงานเขียนทางตำราของนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงทั้งไทย เเละต่างประเทศ รวมทั้งกฎหมาย เเละปัญหากฎหมายของไทย โดยนำทฤษฎีต่างๆมาวิเคราะห์กับปัญหาดังกล่าว
ท้ายที่สุดเเล้ว สิ่งที่จะได้จากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ คือ เข้าใจหลักเกณฑ์เรื่องผู้ใช้ เเละผู้สนับสนุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการแบ่งแยกระหว่างผู้ใช้ กับผู้สนับสนุน รวมทั้งการกระทำความผิดในฐานะที่เป็นเนื้อหาของการใช้ให้กระทำความผิด เเละมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุที่ถูกกระทำ เพื่อสามารถนำทฤษฎีต่างๆมาวิเคราะห์ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีเหตุผลยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงเขียนขึ้นมาด้วยเหตุผลเดียว คือ จะศึกษาถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งแยกผู้ร่วมกระทำผิด ซึ่งจะศึกษาเฉพาะความหมายของ ผู้ใช้เเละผู้สนับสนุน เเละในกรณีที่ผู้ถูกใช้ตัดสินใจกระทำผิดเเล้วต่อมาเปลี่ยนใจไปกระทำผิดอันใหม่ที่เป็นผลมาจากการก่อให้กระทำความผิด
รวมทั้งศึกษาถึงทฤษฎีต่างๆเพื่อนำมาอธิบายปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือที่เรียกว่า "ปัญหาในทางตำรา" อย่างเป็นระบบ โดยศึกษาในสองระบบ ทั้งในระบบCommon Law เเละระบบ Civil law โดยศึกษาหลักกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งแยก เเล้วนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับผู้ใช้ เเละผู้สนับสนุน ตามกำหมายไทย
ข้อมูลที่ใช้อ้างอิงในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ได้มาจากการค้นคว้าจากตำรา บทความ เเละงานเขียนทางตำราของนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงทั้งไทย เเละต่างประเทศ รวมทั้งกฎหมาย เเละปัญหากฎหมายของไทย โดยนำทฤษฎีต่างๆมาวิเคราะห์กับปัญหาดังกล่าว
ท้ายที่สุดเเล้ว สิ่งที่จะได้จากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ คือ เข้าใจหลักเกณฑ์เรื่องผู้ใช้ เเละผู้สนับสนุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการแบ่งแยกระหว่างผู้ใช้ กับผู้สนับสนุน รวมทั้งการกระทำความผิดในฐานะที่เป็นเนื้อหาของการใช้ให้กระทำความผิด เเละมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุที่ถูกกระทำ เพื่อสามารถนำทฤษฎีต่างๆมาวิเคราะห์ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีเหตุผลยิ่งขึ้น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2556