แนวทางการใช้ทรัพยากรในการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : กรณีศึกษา เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
189 แผ่น.
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
ba187559
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
สุภาวดี หนูสิน (2014). แนวทางการใช้ทรัพยากรในการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : กรณีศึกษา เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3431.
Title
แนวทางการใช้ทรัพยากรในการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : กรณีศึกษา เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
Alternative Title(s)
Guidelines for resource use in palm oil plantation for reducing environmental impact : A case study of agriculturers in Sikao District, Trang Province
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากขั้นตอนการ
ปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอสิเกา จังหวัดตรังและเสนอแนวทางการใช้ทรัพยากร
ในการปลูกปาล์มน้ำมันในด้านการใช้ที่ดิน การใช้น้ำ และการใช้เทคโนโลยี ให้แก่เกษตรกรใน
พื้นที่อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ
รวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง จำนวน18 ราย
ซึ่งเป็นเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ และ 50 ไร่ และใช้คา ถามสัมภาษณ์หน่วยงานระดับนโยบาย
เกี่ยวกับนโยบายและการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรในการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อลด
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ให้ข้อมูลสำคัญได้แก่ สานักงานเกษตรจังหวัดตรัง สานักงานเกษตร
อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดตรัง สานักงานโครงการชลประทานจังหวัดตรัง
และสานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง การวิเคราะห์ข้อมูลการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้
การคำนวณสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสัมภาษณ์ผู้กำหนดนโยบาย โดยใช้
SWOT Analysis เพื่อนา มากำหนดแนวทางการใช้ทรัพยากรในการปลูกปาล์มน้ำมัน
ผลการวิจัยพบว่าการประเมินการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการเตรียมดิน ปาล์มน้ำมันของกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 0.63 kgCO2eq./ไร่ ซึ่งมีค่าการปลดปล่อยมากกว่ากลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ ที่มีการปลดปล่อยก๊าซ เรือนกระจกเท่ากับ 0.61 kgCO2eq./ไร่ ในขั้นตอนการเพาะปลูกกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ มี การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 257 kgCO2eq./ไร่ มากกว่าปาล์มน้ำมันของกลุ่มเกษตรกรที่มี พื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 191 kgCO2eq./ไร่ ขั้นตอนการดูแลรักษาปาล์มน้ำมันของกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 243.09 kgCO2eq./ไร่ ซึ่งมีค่าการปลดปล่อยมากกว่ากลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ ที่มีปริมาณการ ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 103.04 kgCO2eq./ไร่ ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว กลุ่มเกษตรกรที่มี พื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 17,309 kgCO2eq./ไร่ มากกว่าปาล์มน้ำมัน ของกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ที่มีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 5,383 kgCO2eq./ไร่
จากผลการประเมินการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสัมภาษณ์หน่วยงานระดับ นโยบายที่เกี่ยวข้อง สามารถนา มาสรุปเป็นแนวทางการพัฒนาหรือส่งเสริมการใช้ที่ดิน ได้แก่ การ ส่งเสริมการปรับปรุงดินด้วยวิธีธรรมชาติเพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม น้ำมันนำดินมาตรวจวิเคราะห์กับสถานีพัฒนาที่ดิน หน่วยงานราชการควรติดตามการเปลี่ยนแปลง การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อทราบแนวโน้มการใช้ที่ดินในอนาคต มีนโยบายควบคุมการใช้ประโยชน์ ที่ดินเพื่อการเกษตรและสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของดินในสวนปาล์มของเกษตรกรเพื่อหาแนว ทางการจัดการที่ถูกต้อง แนวทางการพัฒนาหรือส่งเสริมการใช้น้ำได้แก่ มีการบริหารจัดการน้ำที่มี ประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันกักเก็บน้ำไว้ในร่องสวนหรือมีแหล่งกักเก็บ น้ำในสวนปาล์มของตนเอง อีกทั้งโครงการชลประทานควรจัดหาพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำสำรองเพิ่ม เพื่อความมั่นคงในการทำการเกษตร และแนวทางการพัฒนาหรือส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี ได้แก่ ตรวจสอบการใช้สารเคมีในสวนปาล์มน้ามันเพื่อควบคุมการใช้สารเคมี ใช้ระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ในการวางแผนกำหนดพื้นที่กันชนและการบริหารจัดการอื่น ๆ เช่น การวางระบบชลประทาน การวิเคราะห์การกระจายของสารปราบวัชพืช การทาแผนที่แสดงระดับความอุดม สมบูรณ์ของดินในการปลูกปาล์มน้ำมัน และแนวทางด้านอื่น ๆ คือ พัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาค เกษตรเพื่อให้สามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ผลการวิจัยพบว่าการประเมินการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการเตรียมดิน ปาล์มน้ำมันของกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 0.63 kgCO2eq./ไร่ ซึ่งมีค่าการปลดปล่อยมากกว่ากลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ ที่มีการปลดปล่อยก๊าซ เรือนกระจกเท่ากับ 0.61 kgCO2eq./ไร่ ในขั้นตอนการเพาะปลูกกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ มี การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 257 kgCO2eq./ไร่ มากกว่าปาล์มน้ำมันของกลุ่มเกษตรกรที่มี พื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 191 kgCO2eq./ไร่ ขั้นตอนการดูแลรักษาปาล์มน้ำมันของกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 243.09 kgCO2eq./ไร่ ซึ่งมีค่าการปลดปล่อยมากกว่ากลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ ที่มีปริมาณการ ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 103.04 kgCO2eq./ไร่ ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว กลุ่มเกษตรกรที่มี พื้นที่ 50 ไร่ มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 17,309 kgCO2eq./ไร่ มากกว่าปาล์มน้ำมัน ของกลุ่มเกษตรกรที่มีพื้นที่ 50 ไร่ที่มีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 5,383 kgCO2eq./ไร่
จากผลการประเมินการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสัมภาษณ์หน่วยงานระดับ นโยบายที่เกี่ยวข้อง สามารถนา มาสรุปเป็นแนวทางการพัฒนาหรือส่งเสริมการใช้ที่ดิน ได้แก่ การ ส่งเสริมการปรับปรุงดินด้วยวิธีธรรมชาติเพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม น้ำมันนำดินมาตรวจวิเคราะห์กับสถานีพัฒนาที่ดิน หน่วยงานราชการควรติดตามการเปลี่ยนแปลง การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อทราบแนวโน้มการใช้ที่ดินในอนาคต มีนโยบายควบคุมการใช้ประโยชน์ ที่ดินเพื่อการเกษตรและสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของดินในสวนปาล์มของเกษตรกรเพื่อหาแนว ทางการจัดการที่ถูกต้อง แนวทางการพัฒนาหรือส่งเสริมการใช้น้ำได้แก่ มีการบริหารจัดการน้ำที่มี ประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันกักเก็บน้ำไว้ในร่องสวนหรือมีแหล่งกักเก็บ น้ำในสวนปาล์มของตนเอง อีกทั้งโครงการชลประทานควรจัดหาพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำสำรองเพิ่ม เพื่อความมั่นคงในการทำการเกษตร และแนวทางการพัฒนาหรือส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี ได้แก่ ตรวจสอบการใช้สารเคมีในสวนปาล์มน้ามันเพื่อควบคุมการใช้สารเคมี ใช้ระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ในการวางแผนกำหนดพื้นที่กันชนและการบริหารจัดการอื่น ๆ เช่น การวางระบบชลประทาน การวิเคราะห์การกระจายของสารปราบวัชพืช การทาแผนที่แสดงระดับความอุดม สมบูรณ์ของดินในการปลูกปาล์มน้ำมัน และแนวทางด้านอื่น ๆ คือ พัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาค เกษตรเพื่อให้สามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (การจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557.