การสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน : กรณีศึกษา ชุมชนป่าตรง จังหวัดปราจีนบุรี
Files
Publisher
Issued Date
2015
Issued Date (B.E.)
2558
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
171 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b190497
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
วงศ์ตระกูล มาเกตุ (2015). การสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน : กรณีศึกษา ชุมชนป่าตรง จังหวัดปราจีนบุรี. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4450.
Title
การสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน : กรณีศึกษา ชุมชนป่าตรง จังหวัดปราจีนบุรี
Alternative Title(s)
Making guarantee for food security at a community level: a study at Patrong Community Prachinburi Province
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาวิธีการจัดการอาหารในระดับชุมชน 2) เพื่อศึกษาวิธีการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน 3) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน ผู้ศึกษาได้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์เจาะลึกผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ และใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา โดยยึดหลักตรรกะและเทียบเคียงกับแนวคิดทฤษฎีควบคู่กับบริบทของชุมชน ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนาประกอบเพื่อความชัดเจนเป็นรูปธรรม
ผลการศึกษาพบว่า
1. วิธีการจัดการอาหารในระดับชุมชนป่าตรง* ได้แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 1) ในช่วงเวลาปกติ กล่าวคือ ชาวชุมชนป่าตรง* ได้มีการสำรองอาหารไว้กิน เช่น หน่อไม้ดอง ปลาร้า เห็ดตากแห้ง ปลาแดดเดียว และไข่เค็ม มีการปลูกพืชหมุนเวียน เพาะปลูกพืชอาหารไว้บริเวณรอบ ๆ พื้นที่บ้านหรือที่อยู่อาศัย 2) ในช่วงเวลาฉุกเฉินหรือเมื่อครั้งเกิดน้ำท่วม กล่าวคือ ชาวชุมชนป่าตรง* มีอาหารไว้กินเมื่อครั้ง เกิดน้ำท่วมหรือภัยพิบัติ เนื่องจากมีการถนอมอาหาร/แปรรูปอาหารไว้กิน โดยผ่านวิธีการหมักดอง แช่อิ่ม ตากแห้ง อีกทั้งยังมีอาหารอยู่กินได้ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ขณะเกิดภัยพิบัติ 3) ในช่วงขาดแคลน กล่าวคือ ชาวชุมชนป่าตรง* มีการแบ่งปันอาหารซึ่งกันและกัน เพราะว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ใกล้ชิดสนิทสนม และอยู่อาศัยกันแบบญาติพี่น้อง อีกทั้งมักช่วยเหลือกันเมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก
2. วิธีการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน แบ่งออกเป็น 3 วิธีการ คือ 1) การเก็บ/สะสมอาหาร กล่าวคือ ชาวชุมชนใช้การสำรองอาหารไว้กินในยามฉุกเฉิน รักษาคุณค่าของอาหาร ยืดอายุให้แก่อาหาร และการมีอาหารไว้ภายในบ้านก็จะทำให้สามารถป้องกันความหิวโหยของคนในครอบครัวได้ 2) การทำให้พืชผลธัญญาหารมีความอุดมสมบูรณ์ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างบ่อกักเก็บน้ำ เพื่อใช้ในการเพาะปลูกสำหรับในแต่ละครอบครัว 3)การถนอม/แปรรูปอาหาร เพื่อต้องการรักษาคุณค่าทางอาหาร เพิ่มมูลค่า และเพิ่มช่องทางรายได้ให้แก่ครอบครัว โดยผ่านวิธีการแปรรูปอาหาร ทั้งการหมักดอง แช่อิ่ม ตากแห้ง ซึ่งอาหารที่มักทำกันก็คือ ปลาร้า ปลาแดดเดียว ปลาเกลือ หน่อไม้ดอง ผลไม้ดอง/แช่อิ่ม กล้วยตาก และไข่เค็ม
3. ปัญหาอุปสรรคสำคัญในการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน กล่าวคือ บุคคลยังไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในรูปแบบอื่น ๆ นอกไปจากที่บรรพบุรุษได้ทำกันมา โดยมองว่ายังเป็นเรื่องของอนาคต ความขัดแย้งระหว่างบุคคลและกลุ่มภายในชุมชน ผู้นำชุมชนยังไม่ให้ความสำคัญต่อปัญหา ความมั่นคงทางอาหาร หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน ไม่ให้การสนับสนุนจริงจัง และศักยภาพของกลุ่ม/องค์กรภายในชุมชนยังไม่มีความเข้มแข็ง
ข้อเสนอแนะสำคัญจากการศึกษา กล่าวคือ ทุก ๆ คนควรส่งเสริมการผลิตอาหารและสำรองอาหารด้วยตนเองให้มากขึ้น หน่วยงานในระดับท้องถิ่นควรให้การสนับสนุนในเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับอาหาร พร้อมทั้งให้การสนับสนุนในด้านงบประมาณ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก และหน่วยงานภาคีเครือข่ายควรเข้ามาจัดกิจกรรมสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน พร้อมทั้งเปิดโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาให้ชุมชนสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชนได้
ผลการศึกษาพบว่า
1. วิธีการจัดการอาหารในระดับชุมชนป่าตรง* ได้แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 1) ในช่วงเวลาปกติ กล่าวคือ ชาวชุมชนป่าตรง* ได้มีการสำรองอาหารไว้กิน เช่น หน่อไม้ดอง ปลาร้า เห็ดตากแห้ง ปลาแดดเดียว และไข่เค็ม มีการปลูกพืชหมุนเวียน เพาะปลูกพืชอาหารไว้บริเวณรอบ ๆ พื้นที่บ้านหรือที่อยู่อาศัย 2) ในช่วงเวลาฉุกเฉินหรือเมื่อครั้งเกิดน้ำท่วม กล่าวคือ ชาวชุมชนป่าตรง* มีอาหารไว้กินเมื่อครั้ง เกิดน้ำท่วมหรือภัยพิบัติ เนื่องจากมีการถนอมอาหาร/แปรรูปอาหารไว้กิน โดยผ่านวิธีการหมักดอง แช่อิ่ม ตากแห้ง อีกทั้งยังมีอาหารอยู่กินได้ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ขณะเกิดภัยพิบัติ 3) ในช่วงขาดแคลน กล่าวคือ ชาวชุมชนป่าตรง* มีการแบ่งปันอาหารซึ่งกันและกัน เพราะว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ใกล้ชิดสนิทสนม และอยู่อาศัยกันแบบญาติพี่น้อง อีกทั้งมักช่วยเหลือกันเมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก
2. วิธีการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน แบ่งออกเป็น 3 วิธีการ คือ 1) การเก็บ/สะสมอาหาร กล่าวคือ ชาวชุมชนใช้การสำรองอาหารไว้กินในยามฉุกเฉิน รักษาคุณค่าของอาหาร ยืดอายุให้แก่อาหาร และการมีอาหารไว้ภายในบ้านก็จะทำให้สามารถป้องกันความหิวโหยของคนในครอบครัวได้ 2) การทำให้พืชผลธัญญาหารมีความอุดมสมบูรณ์ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างบ่อกักเก็บน้ำ เพื่อใช้ในการเพาะปลูกสำหรับในแต่ละครอบครัว 3)การถนอม/แปรรูปอาหาร เพื่อต้องการรักษาคุณค่าทางอาหาร เพิ่มมูลค่า และเพิ่มช่องทางรายได้ให้แก่ครอบครัว โดยผ่านวิธีการแปรรูปอาหาร ทั้งการหมักดอง แช่อิ่ม ตากแห้ง ซึ่งอาหารที่มักทำกันก็คือ ปลาร้า ปลาแดดเดียว ปลาเกลือ หน่อไม้ดอง ผลไม้ดอง/แช่อิ่ม กล้วยตาก และไข่เค็ม
3. ปัญหาอุปสรรคสำคัญในการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน กล่าวคือ บุคคลยังไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในรูปแบบอื่น ๆ นอกไปจากที่บรรพบุรุษได้ทำกันมา โดยมองว่ายังเป็นเรื่องของอนาคต ความขัดแย้งระหว่างบุคคลและกลุ่มภายในชุมชน ผู้นำชุมชนยังไม่ให้ความสำคัญต่อปัญหา ความมั่นคงทางอาหาร หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน ไม่ให้การสนับสนุนจริงจัง และศักยภาพของกลุ่ม/องค์กรภายในชุมชนยังไม่มีความเข้มแข็ง
ข้อเสนอแนะสำคัญจากการศึกษา กล่าวคือ ทุก ๆ คนควรส่งเสริมการผลิตอาหารและสำรองอาหารด้วยตนเองให้มากขึ้น หน่วยงานในระดับท้องถิ่นควรให้การสนับสนุนในเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับอาหาร พร้อมทั้งให้การสนับสนุนในด้านงบประมาณ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก และหน่วยงานภาคีเครือข่ายควรเข้ามาจัดกิจกรรมสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน พร้อมทั้งเปิดโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาให้ชุมชนสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชนได้
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (การบริหารการพัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558