การบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
Files
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
276 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b190135
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
กิตติ มีลำเอียง (2014). การบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4655.
Title
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
Alternative Title(s)
Human resource management case study of Suratthani Rajabhat University
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี 2) ศึกษาระดับทัศนคติของบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏ
สุราษฎร์ธานีที่มีต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 3) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการ
บริหารทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งการศึกษามีมหาวิทยาลัยราชภัฏ
สุราษฎร์ธานีเป็นหน่วยในการวิเคราะห์ โดยผู้วิจัยจะใช้การศึกษาแบบผสมผสานระหว่างการวิจัย
เชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) จะใช้การวิจัยเชิง
สำรวจ(Survey Research) โดยการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือหลักในการเก็บข้อมูลจากกลุ่ม
ตัวอย่างที่เป็นบุคลากรทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุนจำนวน 412 ตัวอย่าง ส่วนการวิจัยเชิง
คุณภาพ (Qualitative Research) จะใช้การสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้างเพื่อเก็บข้อมูลจากบุคคลที่
เกี่ยวข้องจำนวน 5 คน และทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เพื่อใช้ในการยืนยันข้อมูลที่
ได้จากการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ และเพื่อให้สามารถอธิบายคำตอบตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่
ได้กำหนดไว้
ผลการศึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ 1) ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า การ บริหารทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ส่วนการ ได้มาซึ่งบุคลากรภายในองค์การจะยึดหลักความรู้ความสามารถ และประสบการณ์เป็นสำคัญ และ การพัฒนาบุคลากรภายในองค์การจะเน้นการฝึกอบรม โดยโปรแกรมการฝึกอบรมส่วนใหญ่จะมี เฉพาะบุคลากรที่อยู่ในระดับบริหารเท่านั้น การจูงใจบุคลากรภายในองค์การใช้การจูงใจแบบ ค่าตอบแทนโดยการให้เงินทุนในการศึกษาต่อ ส่วนการธำรงรักษาบุคลากรองค์การมีกระบวนการ ลงโทษและการบริหารค่าตอบแทนที่มีความเป็นธรรม 2) ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง มีทัศนคติต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีอยู่ในระดับมากเมื่อ พิจารณาในแต่ละด้านจะพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อด้านการได้มาซึ่งบุคลากรมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านการธำรงรักษาบุคลากร และกลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อการ จูงใจบุคลากรน้อยที่สุด และจากการทดสอบทางสถิติพบว่า เพศ อายุ ประสบการณ์ในการทำงาน และสาเหตุในการเข้ามาทำงานในองค์การของบุคลากรที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติด้านการบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ ส่วนประเภทของบุคลากร รายได้ ระดับการศึกษา และสถานภาพของบุคลากรไม่ มีผลต่อทัศนคติด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนั้น ปัญหาที่พบจากการบริหารทรัพยากร มนุษย์ที่ผู้บริหารต้องรีบแก้ไขคือ ช่องว่างของสถานะทางสังคมระหว่างบุคลากรตามสัญญาจ้างและ พนักงานมหาวิทยาลัยและการขาดกฎระเบียบกลางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คือ 1) องค์การควรมีนโยบาย ที่ลดความแตกต่างระหว่างสถานะของบุคลากร 2) องค์การควรมีนโยบายเกี�����ยวกับการส่งเสริมให้ บุคลากรมีความก้าวหน้าในสายงานของตนเองที่มีความหลากหลาย ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับการพัฒนาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คือ 1) องค์การควรมี การจัดทำแผนเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว 2) องค์การควรมีการวิจัยเพื่อพัฒนา คุณภาพบุคลากรที่อยู่ให้มีศักยภาพสูงสุด
ผลการศึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ 1) ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า การ บริหารทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ส่วนการ ได้มาซึ่งบุคลากรภายในองค์การจะยึดหลักความรู้ความสามารถ และประสบการณ์เป็นสำคัญ และ การพัฒนาบุคลากรภายในองค์การจะเน้นการฝึกอบรม โดยโปรแกรมการฝึกอบรมส่วนใหญ่จะมี เฉพาะบุคลากรที่อยู่ในระดับบริหารเท่านั้น การจูงใจบุคลากรภายในองค์การใช้การจูงใจแบบ ค่าตอบแทนโดยการให้เงินทุนในการศึกษาต่อ ส่วนการธำรงรักษาบุคลากรองค์การมีกระบวนการ ลงโทษและการบริหารค่าตอบแทนที่มีความเป็นธรรม 2) ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง มีทัศนคติต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีอยู่ในระดับมากเมื่อ พิจารณาในแต่ละด้านจะพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อด้านการได้มาซึ่งบุคลากรมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านการธำรงรักษาบุคลากร และกลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อการ จูงใจบุคลากรน้อยที่สุด และจากการทดสอบทางสถิติพบว่า เพศ อายุ ประสบการณ์ในการทำงาน และสาเหตุในการเข้ามาทำงานในองค์การของบุคลากรที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติด้านการบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ ส่วนประเภทของบุคลากร รายได้ ระดับการศึกษา และสถานภาพของบุคลากรไม่ มีผลต่อทัศนคติด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนั้น ปัญหาที่พบจากการบริหารทรัพยากร มนุษย์ที่ผู้บริหารต้องรีบแก้ไขคือ ช่องว่างของสถานะทางสังคมระหว่างบุคลากรตามสัญญาจ้างและ พนักงานมหาวิทยาลัยและการขาดกฎระเบียบกลางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คือ 1) องค์การควรมีนโยบาย ที่ลดความแตกต่างระหว่างสถานะของบุคลากร 2) องค์การควรมีนโยบายเกี�����ยวกับการส่งเสริมให้ บุคลากรมีความก้าวหน้าในสายงานของตนเองที่มีความหลากหลาย ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับการพัฒนาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คือ 1) องค์การควรมี การจัดทำแผนเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว 2) องค์การควรมีการวิจัยเพื่อพัฒนา คุณภาพบุคลากรที่อยู่ให้มีศักยภาพสูงสุด
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557