บทบาทในการทำงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
Files
Publisher
Issued Date
2010
Issued Date (B.E.)
2553
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
328
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b191115
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ไททัศน์ มาลา (2010). บทบาทในการทำงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4660.
Title
บทบาทในการทำงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
Alternative Title(s)
Role of community organization councils and local government organizations in collaboration
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาที่สำคัญ 3 ประการคือ ประการแรก
เพื่อศึกษาแนวคิดของการนำไปสู่การมีสภาองค์กรชุมชน ประการที่สอง เพื่อศึกษาถึงการ
ประสานงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประการที่
สาม เพื่อศึกษาแนวทางในการประสานงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น
ผลจากการศึกษาพบว่า สเหตุที่นำไปสู่การผลักดันแนวคิดของการมีสภาองค์กรชุมชนขึ้นนั้นประกอบด้วย 1) ชุมชนแสวงหาเครื่องมือเพื่อต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม 2) กฎหมายให้การรองรับต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนมากยิ่งขึ้น 3) ความบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน 4) ข้อจำกัดของหน่วยงานราชการโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ 5) บทเรียนจากการเติบโตของภาคประชาสังคมในการเข้ามามีบทบาทต่อการเสริมสร้างกระบวนการทางการเมืองภาคพลเมือง
ผลจากการศึกษาเกี่ยวกับการประสานงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น พบว่า สภาองค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่มีลักษณะที่ต่างฝ่ายต่างทำซึ่งยังไม่ส่งผลต่อการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กร ขาดความร่วมมือและขาดความเข้าใจอันตีต่อกัน การรที่ผู้นำขอทั้งสององค์กรมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกัน เหล่านี้จึงส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาศักยภาพของสภาองค์กรชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ทำให้การประสานงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและเป็นเหตุให้เกิดการหวาดระแวงต่อกัน ผลกระทบทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่ทิศทางของการพัฒนาในชุมชนท้องถิ่นที่ยังขาดมิติของแผนการพัฒนาในเชิงบูรณาการ
ผลจากการศึกษาพบว่า สเหตุที่นำไปสู่การผลักดันแนวคิดของการมีสภาองค์กรชุมชนขึ้นนั้นประกอบด้วย 1) ชุมชนแสวงหาเครื่องมือเพื่อต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม 2) กฎหมายให้การรองรับต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนมากยิ่งขึ้น 3) ความบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน 4) ข้อจำกัดของหน่วยงานราชการโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ 5) บทเรียนจากการเติบโตของภาคประชาสังคมในการเข้ามามีบทบาทต่อการเสริมสร้างกระบวนการทางการเมืองภาคพลเมือง
ผลจากการศึกษาเกี่ยวกับการประสานงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น พบว่า สภาองค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่มีลักษณะที่ต่างฝ่ายต่างทำซึ่งยังไม่ส่งผลต่อการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กร ขาดความร่วมมือและขาดความเข้าใจอันตีต่อกัน การรที่ผู้นำขอทั้งสององค์กรมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกัน เหล่านี้จึงส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาศักยภาพของสภาองค์กรชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ทำให้การประสานงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและเป็นเหตุให้เกิดการหวาดระแวงต่อกัน ผลกระทบทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่ทิศทางของการพัฒนาในชุมชนท้องถิ่นที่ยังขาดมิติของแผนการพัฒนาในเชิงบูรณาการ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2553