การพัฒนาตัวแบบความยืดหยุ่นของโซ่อุปทานสินค้าเกษตร กรณีศึกษา มันสำปะหลังในประเทศไทย
Files
Publisher
Issued Date
2016
Issued Date (B.E.)
2559
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
116 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b192970
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ปารียา ศิริวัฒนพันธ์ (2016). การพัฒนาตัวแบบความยืดหยุ่นของโซ่อุปทานสินค้าเกษตร กรณีศึกษา มันสำปะหลังในประเทศไทย. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5674.
Title
การพัฒนาตัวแบบความยืดหยุ่นของโซ่อุปทานสินค้าเกษตร กรณีศึกษา มันสำปะหลังในประเทศไทย
Alternative Title(s)
Modeling agricultural supply chain flexibility : a case study of cassava in Thailand
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ยุทธศาสตร์สำคัญ ประการหนึ่งของภาครัฐคือการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหาร จัดการระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผู้บริโภคโดยมุ่งเน้นการ บริหารจัดการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น ตัวชี้วัดประสิทธิภาพตามแผนยุทธศาสตร์ที่ผ่านมาพิจารณาเพียงเรื่องของต้นทุน (Cost) เวลา (Lead Time) และความน่าเชื่อถือ (Reliability) แต่ตัวชี้วัดที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ ความยืดหยุ่นของโซ่ อุปทาน ซึ่งแสดงถึงความสามารถที่ระบบสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์อันเป็นผลมา จากการเปลี่ยนแปลงของราคาและนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐยังไม่ได้กล่าวถึงมากนักใน ระบบโซ่อุปทานสินค้าเกษตร บทความนี้จึงได้พัฒนาตัวแบบทางคณิตศาสตร์ขึ้นมาเพื่อใช้วัดความยืดหยุ่นของโซ่อุปทาน (Supply Chain Flexibility) โดยนำมาประยุกต์ใช้กับกรณีศึกษามันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ ซึ่งการพัฒนาตัวแบบพิจารณาตั้งแต่ส่วนการเพาะปลูก โดยเกษตรกร การแปรรูปจากมันสำปะหลังสดเป็นแป้งมันสำปะหลัง และการขนส่งไปยังท่าเรือ เพื่อการส่งออกโดยตัวแบบที่สร้างขึ้นแบ่งออกเป็น 2 ตัวแบบคือ ตัวแบบ Deterministic และตัวแบบ Stochastic ซึ่งในแต่ละตัวแบบจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้น โดยขั้นที่1 เป็นตัวแบบสำหรับการหาความสามารถพื้นฐานของโซ่อุปทานที่ทำให้เกิดผลกำไรสูงที่สุด และขั้นที่2 เป็นตัวแบบที่ใช้ ประเมินค่าความยืดหยุ่น ของโซ่อุปทานที่สามารถเพิ่มได้สูงที่สุดจากความสามารถพื้นฐานที่ได้จาก ขั้นที่1 ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นความสามารถสำรอง (Reserve Capacity) ของระบบโซ่อุปทาน ทั้งนี้ตัว แบบสามารถเป็นแนวทางให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายเพื่อเพิ่มศักยภาพของโซ่อุปทาน รวมถึงระบุจุดคอขวดของระบบเพื่อให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงอุปทานและอุปสงค์ในอนาคตได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (การจัดการโลจิสติกส์))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2559