การศึกษาการค้าประเวณีแอบแฝงในประเทศไทย : ธุรกิจนวดพริตตี้สปา
Files
Publisher
Issued Date
2015
Issued Date (B.E.)
2558
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
191 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b191870
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ดารารัตน์ ฮุยเกี๊ยะ (2015). การศึกษาการค้าประเวณีแอบแฝงในประเทศไทย : ธุรกิจนวดพริตตี้สปา. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5740.
Title
การศึกษาการค้าประเวณีแอบแฝงในประเทศไทย : ธุรกิจนวดพริตตี้สปา
Alternative Title(s)
The furtive prostitution in Thailand: case studies of pretty Spa massage business
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยเรื่อง การค้าประเวณีแอบแฝงในประเทศไทย: ธุรกิจนวดพริตตี้สปา ผู้วิจัย เลือกใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษารูปแบบ วิธีการค้าประเวณีในธุรกิจนวดพริตตี้สปา 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ผลักดันให้หญิงสาวเข้าสู่การค้า ประเวณีในธุรกิจนวดพริตตี้สปา 3) เพื่อแสวงหาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสม ในการ ดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีในธุรกิจนวดพริตตี้สปาของภาครัฐ โดยใช้เครื่องมือใน การวิจัยดังต่อไปนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการการสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) โดยการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Interview) การค้นคว้าผ่านเอกสาร และใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจงผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ พนักงานนวดพริตตี้สปา จำนวน 15 คน เจ้าของกิจการนวดพริตตี้สปา จำนวน 5 คน และ ผู้ใช้บริการนวดพริตตี้สปา จำนวน 10 คน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำการเก็บข้อมูลในช่วงเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2557 ถึง เดือนเมษายน พ.ศ.2558 ผลการศึกษาพบว่า นวดพริตตี้สปาเป็นรูปแบบการค้าประเวณีแอบแฝงโดยการมีรูปแบบการ ให้บริการเป็นการนวดสปา นวดน้ำมันเพื่อผ่อนคลายและทำให้ผู้ใช้บริการสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีการ ใด ๆ และมีวิธีการค้าประเวณีใน 2 ลักษณะ คือ การค้าประเวณีโดยเจ้าของกิจการจัดให้มีโดยตรง กับ เจ้าของกิจการจัดให้มีโดยอ้อม ปัจจัยที่ผลักดันให้หญิงสาวเข้าสู่การค้าประเวณีในธุรกิจนวดพริตตี้สปา แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยภายในบุคคล ได้แก่ ปัจจัยด้านผลตอบแทน/รายได้ ปัจจัยด้านค่านิยม/วัตถุนิยม ปัจจัยความล้มเหลวในความรักและปัจจัยการเคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน ส่วนปัจจัยภายนอกบุคคล ได้แก่ ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยบริบทแวดล้อม ปัจจัยด้านการรับรู้ทางกฎหมาย และปัจจัยสำคัญที่เป็นข้อค้นพบใหม่ที่ทำให้หญิงสาวเลือกเข้ามาสู่การค้าประเวณีในรูปแบบนวด พริตตี้สปาคือ 1) ด้านต้นทุนการทำงาน นวดพริตตี้สปาใช้ต้นทุนทางร่างกายน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบ กับการค้าประเวณีในรูปแบบอื่น 2) ด้านคุณสมบัติพนักงานนวด พนักงานนวดพริตตี้สปาส่วนใหญ่ จะ เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่าง หน้าตาดีจนถึงดีมาก และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่สามารถให้บริการทางเพศแก่ ผู้ใช้บริการได้ในทุกกรณีเหมือนการค้าประเวณีในรูปแบบอื่น 3) ด้านการบริการ นวดพริตตี้สปา สามารถเลือกการให้บริการกับผู้ใช้บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการร่วมประเวณีกับผู้ใช้บริการทุกคนและทุกครั้งที่ให้บริการ 4) ด้านรายได้/ผลตอบแทน นวดพริตตี้สปาสามารถสร้างรายได้ให้กับพนักงาน นวดได้เท่ากับหรือสูงกว่าการค้าประเวณีในรูปแบบอื่น แต่ใช้ต้นทุนทางร่างกายต่ำกว่า 5) ด้าน กฎระเบียบ/ข้อบังคับในการทำงาน นวดพริตตี้สปาเป็นงานอิสระ ส่วนใหญ่ไม่มีการบังคับเวลาเข้างาน และเลิกงาน ไม่ค่อยมีกฎระเบียบที่เข้มงวด แต่จะเป็นการขอความร่วมมือจากพนักงานนวดมากกว่า 6) ด้านการป้องกันและการแก้ไขความเสี่ยงที่เกิดการทำงานสามารถควบคุมได้มากกว่าการค้า ประเวณีในรูปแบบอื่น 7) ด้านการยอมรับทางสังคม คือ พนักงานนวดพริตตี้สปากล้าเปิดเผยและคน ใกล้ชิดให้การยอมรับมากกว่าการค้าประเวณีแบบอื่น ข้อเสนอแนะควรนำหลักการจดทะเบียน (The Regulatory System) มาใช้ในการแก้ไข ปัญหา โดยอันดับแรกควรจัดให้ธุรกิจนวดพริตตี้สปา จดทะเบียนสถานประกอบการอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการรองรับทางกฎหมายเช่นเดียวกับสถานบริการอาบอบนวดที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติ สถานบริการ พ.ศ.2509 และการจดทะเบียนให้เป็นสถานค้าประเวณีและโสเภณี เพื่อผู้ที่ประกอบ อาชีพดังกล่าวนี้จะได้รับผลประโยชน์และความคุ้มครองต่าง ๆ จากทางภาครัฐเหมือนอาชีพอื่น ๆ ทั่วไป อีกทั้งเพื่อง่ายต่อการควบคุม ดูแลของภาครัฐในการจัดการด้านการป้องกันและปราบปรามการ ค้าประเวณีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558