Network learning process for smart farmer's self development
Files
Issued Date
2022
Issued Date (B.E.)
2565
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
eng
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
176 leaves
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b216690
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Rights Holder(s)
Physical Location
National Institute of Development Administration. Library and Information Center
Bibliographic Citation
Citation
Pannika Ngamcharoen (2022). Network learning process for smart farmer's self development. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6746.
Title
Network learning process for smart farmer's self development
Alternative Title(s)
กระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายเกษตรกรในการพัฒนาตนเองให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
Network Learning is an essential and necessary factor to agricultural sections’ development since learning process which all community members can participate would bring to strengthen agriculturists by applying learning attitudes and experiences of network members to develop their learning process. This research article aims to: 1) Study learning process through agriculturists’ learning network in Pak Chong District, Nakhon Ratchasima Province, who aim to transform themselves into intelligent agriculturists. 2) To study the problems and obstacles in the learning process through the network of farmers to develop themselves to be smart agriculture in Pak Chong District Nakhon Ratchasima Province 3) To use the information obtained to develop the learning process from an appropriate network of farmers in Pak Chong District Nakhon Ratchasima Province
Data collection in the learning process through agriculturists network from 3 sample groups; organic vegetable farm owner group, local governor group, and related local academic institute staff group, by using structural deep interview with an observation from qualitative research methods. The results showed that: 1) Learning process through agriculturist network initiated from occurrence of individual problems or requirement of self-development of members in network; secondly, exchanging problems among network members; thirdly, establishing space for exchanging knowledge and concluding lessons learned to operate altogether; fourthly, evaluation and adjusting; fifthly, a continuation of activities and expansion of cooperation region to build relationship and pursue for more explicit knowledge. 2) Problems and obstacles found were intermittence of activities; gathering and consulting happened only when issues, such as pest problem, occurred, the solution would be operated sluggishly. 3) Appropriate process development is to promote learning to occur at the individual level. At the community level, there should be activities that encourage ties with the network. In the network, cooperation between the networks should be promoted.
Besides, the issue of overlapped work from government and lack of continuous coordination among organization caused the discontinuous giving knowledge accordingly. Consequently, to establish the highest advantages in learning for agriculturists, government holds the key role to promote and support local level activities exceedingly. For proper solution would be integration and coordination in all sections such as public and academic sector including cooperation of agriculturist group, as the results from learning among network group can be adapted and create more explicit knowledge to improve the quality of life of agriculturists which lead to the stability of life, the abundance of economic and elevate the quality of agriculture itself as well.
การเรียนรู้จากเครือข่ายเป็นปัจจัยสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาภาคส่วนของการทำเกษตรกรรม เนื่องจากกระบวนการเรียนรู้ของคนในชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วมจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร โดยเน้นการนำแนวคิดการเรียนรู้ ประสบการณ์ทางเกษตรของสมาชิกในกลุ่มเครือข่ายมาใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายของเกษตรกรในการพัฒนาตนเองให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 2) ศึกษาปัญหา อุปสรรค ในกระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายของเกษตรกร 3) เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้จากเครือข่ายที่เหมาะสมของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ผู้ศึกษาได้ใช้วิธีการศึกษาแบบคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้างควบคู่ไปกับการสังเกตการณ์จากกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าของฟาร์มผักออแกนิกส์ กลุ่มพนักงานข้าราชการท้องถิ่นและกลุ่มเจ้าหน้าที่หรือพนักงานในสถานศึกษาในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า 1) กระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายของเกษตรกรจะเริ่มจาก เกิดปัญหาในตนหรือความต้องการที่จะพัฒนาตนเองของสมาชิกในเครือข่าย ลำดับที่สองคือสมาชิกในเครือข่ายมีการแลกเปลี่ยนปัญหาร่วมกัน ลำดับที่สามคือมีการสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ สรุปบทเรียนและนำไปปฏิบัติร่วมกัน ลำดับที่สี่คือการประเมินผลและปรับปรุงให้เหมาะสมลำดับที่ห้าคือกิจกรรมมีความต่อเนื่องและขยายขอบเขตความร่วมมือเพื่อสร้างความสัมพันธ์และแสวงหาองค์ความรู้ 2) ปัญหาและอุปสรรคที่พบคือกิจกรรมไม่เกิดความต่อเนื่องเมื่อเกิดปัญหาจึงค่อยกลับมารวมกลุ่มหารือกันทำให้การแก้ไขเป็นไปอย่างล่าช้า เช่น ปัญหาศัตรูพืช นอกจากนี้ยังพบปัญหาการทำงานที่ทับซ้อนกันของภาครัฐรวมถึงการขาดการประสานงานอย่างต่อเนื่องในระหว่างองค์กรทำให้การให้ความรู้ไม่ต่อเนื่อง 3)การพัฒนากระบวนการที่เหมาะสม คือ ส่งเสริมการเรียนรู้ในระดับบุคคล ระดับชุมชนควรมีกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผูกพันธ์กับเครือข่าย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเครือข่าย ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ของเกษตรกรภาครัฐจึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและส่งเสริมการทำกิจกรรมในระดับท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ควรใช้การบูรณาการและประสานงานกันในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ สถานศึกษา รวมถึงกลุ่มความร่วมมือของเกษตรกรเอง ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนรู้ในกลุ่มเครือข่ายสามารถนำไปปรับปรุงพัฒนาสร้างองค์ความรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรอันจะหมายถึงความมั่นคงในการดำเนินชีวิต ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพการทำเกษตรกรรมให้ดีขึ้น
การเรียนรู้จากเครือข่ายเป็นปัจจัยสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาภาคส่วนของการทำเกษตรกรรม เนื่องจากกระบวนการเรียนรู้ของคนในชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วมจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร โดยเน้นการนำแนวคิดการเรียนรู้ ประสบการณ์ทางเกษตรของสมาชิกในกลุ่มเครือข่ายมาใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายของเกษตรกรในการพัฒนาตนเองให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 2) ศึกษาปัญหา อุปสรรค ในกระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายของเกษตรกร 3) เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้จากเครือข่ายที่เหมาะสมของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ผู้ศึกษาได้ใช้วิธีการศึกษาแบบคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้างควบคู่ไปกับการสังเกตการณ์จากกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าของฟาร์มผักออแกนิกส์ กลุ่มพนักงานข้าราชการท้องถิ่นและกลุ่มเจ้าหน้าที่หรือพนักงานในสถานศึกษาในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า 1) กระบวนการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายของเกษตรกรจะเริ่มจาก เกิดปัญหาในตนหรือความต้องการที่จะพัฒนาตนเองของสมาชิกในเครือข่าย ลำดับที่สองคือสมาชิกในเครือข่ายมีการแลกเปลี่ยนปัญหาร่วมกัน ลำดับที่สามคือมีการสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ สรุปบทเรียนและนำไปปฏิบัติร่วมกัน ลำดับที่สี่คือการประเมินผลและปรับปรุงให้เหมาะสมลำดับที่ห้าคือกิจกรรมมีความต่อเนื่องและขยายขอบเขตความร่วมมือเพื่อสร้างความสัมพันธ์และแสวงหาองค์ความรู้ 2) ปัญหาและอุปสรรคที่พบคือกิจกรรมไม่เกิดความต่อเนื่องเมื่อเกิดปัญหาจึงค่อยกลับมารวมกลุ่มหารือกันทำให้การแก้ไขเป็นไปอย่างล่าช้า เช่น ปัญหาศัตรูพืช นอกจากนี้ยังพบปัญหาการทำงานที่ทับซ้อนกันของภาครัฐรวมถึงการขาดการประสานงานอย่างต่อเนื่องในระหว่างองค์กรทำให้การให้ความรู้ไม่ต่อเนื่อง 3)การพัฒนากระบวนการที่เหมาะสม คือ ส่งเสริมการเรียนรู้ในระดับบุคคล ระดับชุมชนควรมีกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผูกพันธ์กับเครือข่าย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเครือข่าย ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ของเกษตรกรภาครัฐจึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและส่งเสริมการทำกิจกรรมในระดับท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ควรใช้การบูรณาการและประสานงานกันในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ สถานศึกษา รวมถึงกลุ่มความร่วมมือของเกษตรกรเอง ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนรู้ในกลุ่มเครือข่ายสามารถนำไปปรับปรุงพัฒนาสร้างองค์ความรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรอันจะหมายถึงความมั่นคงในการดำเนินชีวิต ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพการทำเกษตรกรรมให้ดีขึ้น