การแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
dc.contributor.advisor | อัชกรณ์ วงศ์ปรีดี | th |
dc.contributor.author | ฐาลินี สังฆจันทร์ | th |
dc.date.accessioned | 2017-02-14T06:25:58Z | |
dc.date.available | 2017-02-14T06:25:58Z | |
dc.date.issued | 2014 | th |
dc.date.issuedBE | 2557 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557 | th |
dc.description.abstract | หัวใจสำคัญของการกระจายอำนาจคือ การสร้างประชาธิปไตยท้องถิ่น การบรรลุจุดมุ่งหมายของแนวคิดการกระจายอำนาจคือ การเปลี่ยนจากราษฎรเป็นพลเมือง หรือประชาชนผู้คอยแต่รับบริการจากภาครัฐมาเป็ นผู้ขับเคลื่อนกระบวนการเอง การศึกษาวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อทาการศึกษาสภาพการแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป และศึกษาอิทธิพลของปัจจัยที่เกื้อหนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อการแสดงออกความเป็นพลเมือง การศึกษาครั้งนี้เป็ นการวิจัยเชิงผสมระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ (Mixed Method) ด้วยการดำเนินการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพเป็นอันดับแรกเพื่อศึกษาสภาพพื้นที่จริงอันนำมาสู่การออกแบบและลงรายละเอียดของข้อมูลในแบบสอบถามในการวิจัยเชิงปริมาณ ให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อมูลภาพรวมจากสภาพพื้นที่จริงได้ ผลการศึกษาพบว่า ความเป็นพลเมืองของประชาชนในทั้งสองพื้นที่มีความแตกต่างกันโดยในการแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองทางการเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับรางวัลให้ความสำคัญกับสิทธิพลเมืองในการแสดงความคิดเห็นและสิทธิในการนับถือศาสนาขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปให้ความสำคัญกับสิทธิในการอยู่อาศัยและสิทธิในการได้รับการศึกษา นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับรางวัลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปให้ความสำคัญกับหน้าที่พลเมืองในด้านการปกป้องประเทศชาติ การเลือกตั้ง การติดตามข่าวสารบ้านเมือง โดยหน้าที่ในการเสียภาษีมีความสำคัญเป็นอันดับสุดท้ายในทั้งสองพื้นที่ การวิจัย ในด้านการรักษาสิทธิของผู้อื่นเพื่อการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลมีค่าเฉลี่ยการอนุญาตให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเมืองมากกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป ทั้งนี้ การแสดงออกถึงความอดทนเมื่อมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างของทั้งสองพื้นที่การวิจัยคือ การแสดงออกโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแสดงออกโดยอาการเฉยๆ และการแสดงออกโดยการพูดคุยชักจูงให้เห็นด้วยกับตนในการแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองทางการบริหาร พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลมีความคาดหวัง การตระหนักถึงปัญหา แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา ด้วยความกระตือรือร้น อันเป็นผลจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานรัฐกับประชาชน โดยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลพยายามสร้างและกระตุ้นให้ประชาชนได้เรียนรู้ในการแก้ไขและพัฒนาพื้นที่ด้วยตนเองผ่านระบบการมีส่วนร่วมแบบงบประมาณภายใต้การทาความเข้าใจระหว่างกันว่า ผู้บริหารมีช่วงเวลาที่จา กัด การพัฒนาหรือผลของการพัฒนาจำเป็นต้องดำเนินต่อเนื่องด้วยการขับเคลื่อนของภาคประชาชน ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปมองว่าประชาชนยังคงเป็ นเพียงผู้รับบริการเท่านั้น นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลยังให้ความสำคัญกับตนเองในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนมากกว่าคณะผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ แตกต่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปที่ให้ความสำคัญกับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนมากที่สุด ซึ่งผลการวิจัยยังพบอีกว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปมีความยึดติดในตัวผู้นำมากกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลอีกด้วย การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะว่า การมีส่วนร่วมในงบประมาณ เป็นกระบวนการบริหารสำคัญที่ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองได้เป็นอย่างดีในทางพฤติกรรมของหน่วยงานรัฐไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หรือข้าราชการ และพฤติกรรมของประชาชนล้วนเป็นตัวกำหนดการแสดงบทบาทอย่างใดอย่างหนึ่งของสถานะความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกันฉะนั้น เพื่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคประชาชนที่ส่งเสริมความเป็ นพลเมือง หน่วยงานรัฐควรเริ่มปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และมุมมองของผู้บริหารที่มีต่อประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ในฐานะของเจ้าของทรัพยากร ตลอดจนในฐานะผู้มีบทบาทในการขับเคลื่อนการบริการสาธารณะ ขณะเดียวกัน ในด้านของประชาชนจา ต้องมองเห็นความสา คัญของตนเองมากยิ่งขึ้น ไม่ยึดติดในตัวของผู้นำหรือนักการเมือง ประชาชนผู้มีความเป็นพลเมืองต้องมีความมั่นใจในศักยภาพในการปกครองที่ตนเอง ทั้งยังมีความสามารถในการกำหนดระบบหรือเงื่อนไขในการปกครองตลอดจนการขับเคลื่อนระบบหรือเงื่อนไขดังกล่าวด้วยตนเองได้ | th |
dc.format.extent | 156 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.other | ba185732 | th |
dc.identifier.uri | http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3304 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject.other | พลเมือง | th |
dc.title | การแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | th |
dc.title.alternative | The expression of citizenship of people in local government | th |
dc.type | text--thesis--master thesis | th |
mods.genre | Thesis | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะรัฐประศาสนศาสตร์ | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Masters | th |
thesis.degree.name | รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต | th |