ปัจจัยทางจิตสังคมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการพึ่งตนเองในผู้สูงวัย
dc.contributor.advisor | ดุจเดือน พันธุมนาวิน | th |
dc.contributor.author | วรนุช สิปิยารักษ์ | th |
dc.date.accessioned | 2014-05-05T09:27:21Z | |
dc.date.available | 2014-05-05T09:27:21Z | |
dc.date.issued | 2009 | th |
dc.date.issuedBE | 2552 | th |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (พัฒนาสังคม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2009 | th |
dc.description.abstract | การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าจิตลักษณะและสถานการณ์มีความเกี่ยวข้องและมีอิทธพล ทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการพุ่งตนเองและความพอใจในชีวิตของผู้สูงวัยมากน้อยเพียงใด ในกลุ่มผู้สูงวัย แต่ละประเภทและเพราะเหตุใด และเพื่อบ่งชี้กลุ่มผู้สูงวัยที่มีพฤตกรรมเหล่านี้น้อยและมีความพอใจในชีวิตน้อย รวมทั้งปัจจัยปกป้องกรอบแนวคิดในการิจัยมีพื้นฐานมาจากรูปแบบทฤษฎีปฏิสัมพนธ์นิยม ตลอดจนทฤษฎี และหลักการที่สําคัญทางจิตวิทยาทั้งในประเทศเช่นทฤษฎีต้นไม้จริยธรรมและต่างประเทศเช่นแนวคิดการ สนับสนุนทางสังคม แนวคิดการเปรียบเทียบทางสังคม เป็นต้นกลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุจํานวน 441 แบ่งเป็นผู้สูงอายุชาย 110 คน (24.9%) และผู้สูงอายุหญิง 330 คน (74.8%) อายุเฉลี่ย 63 จากในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งขั้นกำหนดโควต้า ตัวแปรในงานวิจยนี้ประกอบด้วย 1) กลุ่มพฤติกรรมการการพึ่งตนเอง 3 ตัวแปรคือพฤติกรรมการ พึ่งตนเองด้านสุขภาพ พฤติกรรมการพึ่งตนเองด้านสังคมและพฤติกรรมการพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ 2) กลุ่มจิต ลักษณะตามสถานการณ์ 3 ตัวแปรได้แก่การรับรู้คุณความดีของแผ่นดินการเปรียบเทียบทางสังคมและความรู้สึก สูญเสีย 3)กลุ่มจิตลักษณะและพฤกรรมเดิม 4 ตัวแปรได้แก่ ลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมตน แรงจูงใจใฝ๋สัมฤทธ์ ความชื่อทางพุทธศาสนาและวิถีปฏิบัติทางพุทธศาสนา 4) กลุ่มตัวแปรสถานการณ์ 3 ตัวแปรได้แก่ การ สนับสนุนทางสังคมจากครอบครัว การสนับสนุนจากภาครัฐและประสบการณ์สูญเสีย และ 5) กลุ่มตัวแปรสังคมภูมิหลัง แบบวัดส่วนใหญ่เป็นแบบวัดชนิดมาตรประเมินรวมค่ามีค่าความเชื่อมั่นระหว่าง .68 ถึง ..92 ผลการวิจยที่สําคัญ 5 ประการได้แก่ประการแรก ตัวทำนายกลุ่มจิตลักษณะและพฤตกรรมเดิมและ สถานการณ์ร่วม 7 ตัวแปรสามารถทำนาย 1) การรับรู้คุณความดีของแผ่นดินในกลุ่มรวมได้ 44.5 % โดยมีตัวทำนาย ที่สําคัญคือวิถีปฏิบัติทางพุทธศาสนา แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมตน ความเชื่อทางพุทธศาสนา และทำนายได้สูงสดในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีคู่สมรส 56.2 % 2) การเปรียบเทียบทางสังคมในกลุ่มร่วมทำนาย ได้ 40.5 % มีตัวทำนายที่สําคัญคือแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัว ประสบการณ์สูญเสีย ลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมตนและทำนายได้สูงสุด 49.2 % ใน 2 กลุ่มย่อยคือกลุ่มผู้สูงอายุชายและกลุ่ม ผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ประจําและ 3) ความรู้สึกสุญเสียในกลุ่มร่วมทำนายได้ 9.9% โดยมีตัวทานายที่สําคัญคือ ประสบการณ์สูญเสียและทำนายได้สูงสุดในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ประจําได้ 21.1 % ประการที่สอง จิตลักษณะและพฤตกรรมเดิมและสถานการณ์ร่วมกับตัวทำนายกลุ่มจิตลักษณะตาม สถานการณ์ร่วม 10 ตัวแปรสามารถทำนาย 1) พฤติกรรมการพึ่งตนเองด้านสุขภาพในกลุ่มร่วมทำนายได้ 27.3% ตัวทำนายที่สําคัญคือลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมต้นการเปรียบเทียบทางสังคม การรับรู้คุณความดีของแผ่นดิน การสนับสนุนจากภาครัฐและการสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัวและทำนายได้สูงสุดในกลุ่มผู้สูงอายุที่ทํางาน ได้ 42.4% 2) พฤติกรรมการพึ่งตนเองด้านสังคมในกลุ่มร่วมทำนายได้ 30.5% มีตัวทำนายที่สําคัญคือ การรับรู้คุณ ความดีของแผ่นดิน การสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัว ลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมตน การเปรียบเทียบทาง สังคม การสนับสนุนจากภาครัฐและทำนายสูงสุดในกลุ่มผู้สูงอายุชาย 46.7% 3) พฤติกรรมการพึ่งตนเองด้าน เศรษฐกิจในกลุ่มร่วมทำนายได้ 37.3% มีตัวทำนายที่สําคัญคือการเปรียบเทียบทางสังคม แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การสนับสนุนจากภาครัฐ และทำนายสุงสุด 46.0% ใน 2 กลุ่มย่อยคือกลุ่มผู้สูงอายุพื้นที่ปริมณฑลและกลุ่ม ผู้สูงอายุที่มีลูกชายน้อย ประการที่สาม จิตลักษณะและพฤติกรรมเดิม สถานการณ์ จิตลักษณะตามสถานการณ์ร่วมกับ พฤติกรรมร่วม 13ตัวแปรสามารถทำนายความพอใจในชีวตในกลุ่มรวมได้ 55.7% มีตัวทำนายที่สําคัญคือ พฤติกรรมการพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ การเปรียบเทียบทางสังคม ความรู้สึกสูญเสีย การรับรู้คุณความดีของแผ่นดินและการสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัวและทำนายได้สูงสุดในกลุ่มผู้สูงอายุที่ทํางาน 71.3 % ประการ ผลการจากวิเคราะห์อิทธพลเชิงเส้นปรากฏว่า ความพอใจในชีวิตได้รับอิทธพลทางตรงจากตัวแปรเชิงเหตุ เรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ 1) พฤติกรรมการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ 2) วิถีปฏิบัติทางพุทธศาสนาและ 3) การ เปรียบเทียบทางสังคมโดยตัวแปรเชิงเหตุในโมเดลสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของความพอใจในชีวิตได้ 46 % ประการสุดท้าย ผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเร่งด่วนที่ควรพัฒนาคือผู้ที่มีพฤติกรรมการพึ่งตนเอง 3 ด้าน น้อยได้แก่ผู้สูงอายุที่มีอาชีพไม่มีเงินเดือนประจําและผู้สูงอายุที่มีการศึกษาน้อย โดยกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ควรได้รับ การพัฒนาแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การรับรู้คุณความดีแผ่นดินและการเปรียบเทียบทางสังคม งานวิจัยในอนาคตควร เพิ่มตัวแปรอื่นๆ อาจเกี่ยวข้องกับการพึ่งตนเองของผู้สูงวัยเช่นตัวแปรจิตพอเพียงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง และตัวแปรจากทฤษฎีของ Erikson เป็นต้น | th |
dc.format.extent | 391 แผ่น | th |
dc.format.mimetype | application/pdf | th |
dc.identifier.doi | 10.14457/NIDA.the.2009.18 | th |
dc.identifier.other | b162511 | th |
dc.identifier.uri | http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/2120 | th |
dc.language.iso | tha | th |
dc.publisher | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | th |
dc.subject.other | ผู้สูงอายุ -- จิตวิทยา | th |
dc.subject.other | ผู้สูงอายุ -- พฤติกรรม | th |
dc.subject.other | การพึ่งตนเอง | th |
dc.title | ปัจจัยทางจิตสังคมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการพึ่งตนเองในผู้สูงวัย | th |
dc.title.alternative | Psycho-social correlates of self-independent behavior of older adults | th |
dc.type | text--thesis--master thesis | th |
mods.genre | Thesis | th |
mods.physicalLocation | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา | th |
thesis.degree.department | คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม | th |
thesis.degree.discipline | พัฒนาสังคม | th |
thesis.degree.grantor | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | th |
thesis.degree.level | Masters | th |
thesis.degree.name | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต | th |
Files
Original bundle
1 - 1 of 1