การศึกษาความขัดแย้งในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ศึกษากรณีโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคเทศบาลนครราชสีมา
Publisher
Issued Date
2012
Issued Date (B.E.)
2555
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
174 แผ่น ; 30 ซม.
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
จริยา ชาตะสุวัจนานนท์ (2012). การศึกษาความขัดแย้งในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ศึกษากรณีโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคเทศบาลนครราชสีมา. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1094.
Title
การศึกษาความขัดแย้งในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ศึกษากรณีโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคเทศบาลนครราชสีมา
Alternative Title(s)
Conflict in the management of water resources case study water shortage management project in the Nakhon Ratchasima Municipality
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ความขัดแย้งในการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำ รวมถึงศึกษาลักษณะการเคลื่อนไหว รูปแบบยุทธวิธีของขบวนการ เคลื่อนไหวทางสังคม การใช้ทรัพยากรของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนที่แสดงออกมาต่อ สถานการณ์ความขัดแย้ง พร้อมทั้งปจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสําเร็จหรือความล้มเหลวของ ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง ศึกษากรณีโครงการแก้ไขปญหา การขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคเทศบาลนครนครราชสีมา โดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้รับผิดชอบโครงการ กลุ่มผู้สนับสนุนโครงการ และกลุ่มผู้คัดค้าน วิธีการศึกษาใช้การศึกษาจากเอกสาร การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การสนทนากลุ่ม และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม ผลการศึกษาพบว่า สาเหตุที่นําไปสู่ความขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน คือ 1) กระบวนการพิจารณาและตัดสินใจดําเนินโครงการมีข้อบกพร่อง 2) การขาดกระบวนการที่ เหมาะสมในการจัดการความขัดแย้ง 3) ความขัดแย้งในผลประโยชน์ของแต่ละฝาย นอกจากนี้แล้วการรับรู้ และการสื่อสารยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มความขัดแย้งอีกด้วย ในส่วนของการ ระดมทรัพยากรที่นํามาใช้ในสถานการณ์ความขัดแย้งของกลุ่มผู้รับผิดชอบโครงการ กลุ่มผู้สนับสนุนโครงการ และกลุ่มผู้คัดค้านโครงการ พบว่ามีการใช้ทรัพยากรในรูปแบบ คล้ายคลึงกัน อาทิเช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง สื่อบุคคล แผ่นพับ/ใบปลิว โปสเตอร์/ ป้ายผ้า/คัทเอาท์ การยื่นหนังสือถึงบุคคลสําคัญ วิทยุกระจายเสียง เสียงตามสาย/หอกระจายข่าว และการจัดเวทีปราศรัย โดยแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้คัดค้าน มีหลากหลายรูปแบบ ดังนี้ กลยุทธ์การ ยึดพื้นที่ทางการเมือง กลยุทธ์การต่อสู้ทางการเมืองเชิงสัญลักษณ์กลยุทธ์การสื่อสารทาง การเมือง กลยุทธ์การต่อสู้ทางกฎหมาย และกลยุทธ์การแสวงหาพันธมิตร นอกจากนั้นยังมี ปัจจัยทีมีอิทธิพลต่อความสําเร็จหรือความล้มเหลวของการเคลื่อนไหวทางสังคม 3 ปัจจัย ได้แก่ ผู้นํา/แกนนํา สมาชิก เครือข่ายพันธมิตรและการสร้างพันธมิตร ทั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการจัดการกับความขัดแย้ง คือ ภาครัฐควร มีการศึกษาถึงผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากโครงการให้รอบด้าน พร้อมทั้งสร้างองค์ความรู้และ ความเชื่อมั่นในเรื่องเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชน รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ภาค ประชาชนหรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าไปมีส่วนร่วมของการกําหนดนโยบาย เมื่อเกิด สถานการณ์ความขัดแย้งควรปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการหรือพนักงานทีมีต่อประชาชน ในส่วนภาคประชาชนต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยสร้างทัศนคติใหม่ พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำ และสิ่งที่สําคัญที่สุดคือ ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันจัดเวที เสวนา เพื่อวางแนวทางยุทธศาสตร์เรื่องการบริการจัดการทรัพยากรน้ำให้ชัดเจนและอยู่บน พื้นฐานข้อเท็จจริง
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2012