อำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ในการเพิ่มโทษตามมาตรา 120 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
Publisher
Issued Date
2013
Issued Date (B.E.)
2556
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
132 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b183193
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ปัญญา ชะเอมเทศ (2013). อำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ในการเพิ่มโทษตามมาตรา 120 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3021.
Title
อำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ในการเพิ่มโทษตามมาตรา 120 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
Alternative Title(s)
The authority of the merit systems protection board : a case of determination on increasing the punishment in accordance with section 120 paragraph 2 of the civil service act B.E. 2551
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบบริหารข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ได้ใช้บังคับมานาน บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องพัฒนาการด้านการบริหารราชการที่เปลี่ยนไป ดังนั้น เพื่อกำหนด ภารกิจของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนให้เหมาะสม โดยได้รับบทบาทของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ผู้พิทักษ์ระบบคุณธรรมและผู้จัดโครงสร้างส่วนราชการให้เป็นเพียงผู้จัดการงานบุคคลของฝ่ายบริหาร โดยมิให้ซ้ำซ้อนกับบทบาทของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการส่วนบทบาทในการพิทักษ์ระบบคุณธรรมให้เป็นของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่ง ก.พ.ค. มีสถานะเป็นคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทมีลักษณะเป็นแบบกึ่งตุลาการ มีกรรมการมีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายในเรื่องด้านวินัยโดยเฉพาะการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์มีระบบของวิธีพิจารณาเทียบเท่าศาลปกครองชั้นต้นจึงทำให้คำวินิจฉัยของ ก.พ.ค. เป็นที่สุดในฝ่ายปกครองและไม่สามารถวินิจฉัยเพิ่มโทษผู้อุทธรณ์ได้ เนื่องจาก ก.พ.ค. มิได้เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้อุทธรณ์ องค์กรที่จะสามารถเพิ่มโทษได้ ต้องเป็นองค์กรที่เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้อุทธรณ์ ได้แก่ ก.พ. ซึ่ง ก.พ. สามารถควบคุมตรวจสอบทั้งความชอบด้วยกฎหมายและความเหมาะสมของโทษทางวินัย โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าในประเด็นนั้นจะมีการอุทธรณ์มาด้วยหรือไม่ หาก ก.พ.ค. จะมีคำวินิจฉัยให้เพิ่มโทษผู้อุทธรณ์จะต้องแจ้งไปยัง ก.พ.เพื่อให้ ก.พ. พิจารณาวินิจฉัยให้เพิ่มโทษ
หลักการของ ก.พ.ค. ของไทย มีวิวัฒนาการและแหล่งที่มาเทียบเคียงมาจากการจัดองค์กร ระเบียบวิธีพิจารณา และสถานะทางกฎหมาย เช่นเดียวกับคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทหรือศาลปกครองพิเศษในประเทศฝรั่งเศส และคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (MSPB) ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (MSPB) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นต้นแบบในการจัดโครงสร้างองค์กรและวิธีพิจารณาข้อพิพาทของ ก.พ.ค. ของไทย ซึ่งทั้งสองประเทศดังกล่าว คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ก็มีสถานะทางกฎหมายเป็นคณะกรรมการวินิจฉัย ข้อพิพาท เช่นเดียวกัน โดยที่คณะกรรมการทั้งสองดังกล่าวไม่สามารถมีคำวินิจฉัยเกินคำขอได้ ดังนั้น เมื่อ ก.พ.ค. เป็นคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัยเพิ่มโทษผู้อุทธรณ์ได้ตามมาตรา 120 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ จึงมุ่งศึกษาถึงแนวทางการจัดตั้งองค์กร ระเบียบวิธีพิจารณา และสถานะทางกฎหมายของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค) เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบอันเกิดจากการเพิ่มโทษของ ก.พ.ค. รวมทั้งเสนอแนะแนวทางในการพัฒนา ก.พ.ค. ให้มีความทันสมัยและลดอุปสรรคในการนำหลักการของ ก.พ.ค. มาบังคับใช้ในประเทศ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.(กฎหมายมหาชน))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2556.