ปัญหาการบริหารงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมในประเทศไทย
Publisher
Issued Date
1968
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
168 หน้า.
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ศิริ ผาสุก (1968). ปัญหาการบริหารงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมในประเทศไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1159.
Title
ปัญหาการบริหารงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมในประเทศไทย
Alternative Title(s)
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
เป็นการศึกษาการบริหารงานอุตสาหกรรมขนาดย่อมของรัฐ เฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมอุตสาหกรรม ทั้งในรูปที่เป็นตัวบทกฎหมายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ศึกษาการบริหารงานตามแผนทั้งในรูปคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และศึกษาการบริหารของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมซึ่งมีหน้าที่โดยตรงต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมเท่านั้น ส่วนปัญหาการบริหารอื่น ๆ ผู้เขียนมิได้นำมากล่าวถึง.
จากผลการศึกษาปรากฏว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศเป็นเกษตรกรรมทำให้อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบจากผลิตผลเกษตรเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก อุตสาหกรรมเหล่านี้แทบทั้งหมดเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมซึ่งมักประสบปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านตลาด เงินทุน และเทคนิค ฯลฯ ทำให้ต้นทุนสูง รัฐจึงจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือส่งเสริม แต่ในการบริหารงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมของรัฐก็มีอุปสรรคและปัญหาหลายประการ คือ.-
1. ปัญหาเกี่ยวกับนโยบาย ปัญหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติได้แสดงความมุ่งหมายส่งเสริม โดยการช่วยเหลือทางวิชาการ การเงิน ตลาดและอื่น ๆ โดยมีพระราชบัญญัติให้สิทธิพิเศษแก่อุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในด้านการยกเว้นภาษีเงินได้และลดภาษีการนำวัตถุดิบและเครื่องจักรเข้า ส่วนอุตสาหกรรมขนาดย่อมซึ่งเกิดขึ้นเองและมีขนาดต่ำกว่าที่ระบุไว้ไม่ได้รับการยกเว้นเลย นอกจากนี้การกู้เงินต้องมีอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันทำให้อุตสาหกรรมขนาดย่อมจำนวนมากไม่สามารถกู้ยืมได้ สมควรที่รัฐบาลจะได้ยกเว้นภาษีอากร และหาทางช่วยในด้านการเงินแก่อุตสาหกรรมประเภทนี้ด้วย ควรจะได้มีการสำรวจวิจัยทางอุตสาหกรรม ทั้งในด้านวัตถุดิบ ทางเกษตรกรรม ทางตลาดและอุปสรรคในการดำเนินงานของธุรกิจอุตสาหกรรม ตลอดทั้งการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านนโยบายอื่น ๆ ซึ่งผู้เขียนได้เสนอแนะไว้อย่างละเอียดในวิทยานิพนธ์
2. การบริหารงานในรูปคณะกรรมการ เนื่องจากงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมเกี่ยวข้องกับทุกส่วนราชการ การบริหารงานจึงจำเป็นต้องจัดทำในรูปของคณะกรรมการ เพื่อให้มีการประสานงานกันอย่างดี แต่มีคณะกรรมการพิเศษเฉพาะกรณีหลายคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการเหล่านี้ทำงานซ้ำกันอยู่มาก ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลา ควรยุบเพื่อรวมกันเป็นคณะกรรมการเดียวและควรให้มีผู้แทนของสมาคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ร่วมเป็นกรรมการด้วย.
3. การแบ่งส่วนราชการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังไม่เหมาะสม ควรจะได้มีการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการเสียใหม่ เพื่อให้สามารถดำเนินงานโดยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งผู้เขียนก็ได้เสนอแนะรายละเอียดเกี่ยวกับการแบ่งส่วนราชการไว้ในวิทยานิพนธ์นี้แล้ว.
จากผลการศึกษาปรากฏว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศเป็นเกษตรกรรมทำให้อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบจากผลิตผลเกษตรเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก อุตสาหกรรมเหล่านี้แทบทั้งหมดเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมซึ่งมักประสบปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านตลาด เงินทุน และเทคนิค ฯลฯ ทำให้ต้นทุนสูง รัฐจึงจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือส่งเสริม แต่ในการบริหารงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมของรัฐก็มีอุปสรรคและปัญหาหลายประการ คือ.-
1. ปัญหาเกี่ยวกับนโยบาย ปัญหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติได้แสดงความมุ่งหมายส่งเสริม โดยการช่วยเหลือทางวิชาการ การเงิน ตลาดและอื่น ๆ โดยมีพระราชบัญญัติให้สิทธิพิเศษแก่อุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในด้านการยกเว้นภาษีเงินได้และลดภาษีการนำวัตถุดิบและเครื่องจักรเข้า ส่วนอุตสาหกรรมขนาดย่อมซึ่งเกิดขึ้นเองและมีขนาดต่ำกว่าที่ระบุไว้ไม่ได้รับการยกเว้นเลย นอกจากนี้การกู้เงินต้องมีอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันทำให้อุตสาหกรรมขนาดย่อมจำนวนมากไม่สามารถกู้ยืมได้ สมควรที่รัฐบาลจะได้ยกเว้นภาษีอากร และหาทางช่วยในด้านการเงินแก่อุตสาหกรรมประเภทนี้ด้วย ควรจะได้มีการสำรวจวิจัยทางอุตสาหกรรม ทั้งในด้านวัตถุดิบ ทางเกษตรกรรม ทางตลาดและอุปสรรคในการดำเนินงานของธุรกิจอุตสาหกรรม ตลอดทั้งการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านนโยบายอื่น ๆ ซึ่งผู้เขียนได้เสนอแนะไว้อย่างละเอียดในวิทยานิพนธ์
2. การบริหารงานในรูปคณะกรรมการ เนื่องจากงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อมเกี่ยวข้องกับทุกส่วนราชการ การบริหารงานจึงจำเป็นต้องจัดทำในรูปของคณะกรรมการ เพื่อให้มีการประสานงานกันอย่างดี แต่มีคณะกรรมการพิเศษเฉพาะกรณีหลายคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการเหล่านี้ทำงานซ้ำกันอยู่มาก ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลา ควรยุบเพื่อรวมกันเป็นคณะกรรมการเดียวและควรให้มีผู้แทนของสมาคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ร่วมเป็นกรรมการด้วย.
3. การแบ่งส่วนราชการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังไม่เหมาะสม ควรจะได้มีการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการเสียใหม่ เพื่อให้สามารถดำเนินงานโดยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งผู้เขียนก็ได้เสนอแนะรายละเอียดเกี่ยวกับการแบ่งส่วนราชการไว้ในวิทยานิพนธ์นี้แล้ว.
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (พบ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร์))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2511.