มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองผู้บริโภค: ศึกษากรณี ผลิตภัณฑ์แว่นกันแดด
Files
Publisher
Issued Date
2014
Issued Date (B.E.)
2557
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
179 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
b185264
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ช่อทิพย์ สุนทรวิภาต (2014). มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองผู้บริโภค: ศึกษากรณี ผลิตภัณฑ์แว่นกันแดด. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/3102.
Title
มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองผู้บริโภค: ศึกษากรณี ผลิตภัณฑ์แว่นกันแดด
Alternative Title(s)
Legal measures in consumer protection : A case study of sunglasses products
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงแนวคิดทฤษฎีการคุ้มครองผู้บริโภคและความรับผิด
ในสินค้าที่ไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แว่นกันแดด นอกจากนี้ ยังศึกษาถึงกฎหมายของประเทศไทยโดย
เปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขและมาตรการทางกฎหมายที่ใช้ใน
การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แว่นกันแดดให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัย
จากการศึกษาพบว่า ประเทศไทยมีกฎหมายที่บังคับใช้กับการลงโทษผู้ผลิตแว่นกันแดดที่
ไม่ได้มาตรฐานอยู่หลายฉบับ มีทั้งกฎหมายสารบัญญัติและกฎหมายวิธีสบัญญัติที่รับรองคุ้มครองสิทธิ
ของผู้บริโภค โดยกฎหมายสารบัญญัติ ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก
สินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคที่ทาให้
ผู้บริโภคทั่วไปได้รับการคุ้มครองเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภคสินค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจได้
นาเข้าหรือนาออกวางจาหน่ายเป็นการทั่วไป และเป็นมาตรการโดยอ้อมที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้อง
มีมาตรฐานในการผลิตและนาเข้าสินค้าที่ไม่ปลอดภัยเพื่อมาจาหน่ายแก่ผู้บริโภค และเป็นอีก
มาตรการหนึ่งที่สามารถช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการฟ้องร้องให้ผู้ประกอบการต้องรับผิดใน
สินค้าที่ไม่ปลอดภัยซึ่งตนได้จาหน่ายให้แก่ผู้บริโภคเพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิแก่ผู้บริโภคที่ได้รับความ
เสียหายในอันที่จะได้รับการเยียวยาความเสียหายได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ประมวลกฎหมาย
อาญา ในประเด็นเรื่องของความผิดเกี่ยวกับการค้าตามมาตรา 271 และประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์ ในประเด็นการซื้อขาย ละเมิด และพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.
2511 เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้ประเทศไทยจะมีการป้องกันหรือให้ความคุ้มครองผู้บริโภค แต่ยังมีปัญหาอีก
หลายประการที่ไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงในการเลือกซื้อเลือกใช้แว่นกันแดดที่
จาหน่ายกันในท้องตลาด กล่าวคือ กฎหมายต่าง ๆ ยังมีข้อบกพร่องและไม่สามารถอานวยความ
ยุติธรรมได้อย่างแท้จริงให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงมาตรการทางกฎหมายต่าง ๆ ที่คุ้มครองผู้บริโภคและ
ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการต่อผู้บริโภคยังไม่มีประเด็นที่แน่ชัดถึงความรับผิด อีกทั้งยังมี
ข้อบกพร่องถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในกรณีต่าง ๆ ที่เป็นประเด็นปัญหาหลายประการ ได้แก่
(4)
ปัญหาเรื่องการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 ปัญหาในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค
ปัญหาในการคุ้มครองผู้บริโภคตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิดและ
การซื้อขาย ปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.
2511 ปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา ปัญหาการการคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก ปัญหาการ
การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับความรับผิดต่อสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้น วิทยานิพนธ์เล่มนี้จึงมุ่งเน้นหา
ทางแก้ไขและมาตรการทางกฎหมายที่ใช้เพื่อคุ้มครองผู้บริ
จากปัญหาดังกล่าวผู้เขียนมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ดังต่อไปนี้
1. ผู้เขียนเห็นสมควรให้มีประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยฉลากในเรื่องให้แว่นกันแดด
เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก อาศัยอานาจตามความในมาตรา 30 และมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติ
คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2541 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่ง
มาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
2. เนื่องจากประเทศไทยไม่มีประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือพระราชบัญญัติอื่นใด
ที่กาหนดให้แว่นกันแดดต้องมีฉลากและปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ทั้งนี้ ในเรื่องของฉลากหน่วยงานต่าง
ๆ ของต่างประเทศและมาตรฐานต่าง ๆ ที่ต่างประเทศได้กาหนดถึงมาตรฐานของแว่นกันแดด ได้แก่
มาตรฐานสินค้า CE ของสหภาพยุโรป American National Standards Institute (ANSI) ของ
ประเทศสหรัฐอเมริกา และ Australian Competition and Consumer Commission (ACCC)
ของประเทศออสเตรเลีย ได้กาหนดข้อมูลและข้อกาหนดในการติดฉลากของแว่นกันแดด ผู้เขียนเห็น
ว่าประเทศไทยควรจะนามาเป็นแบบอย่างในการกาหนดมาตรฐานการติดฉลากของแว่นกันแดด
3. ผู้เขียนเสนอว่าให้ประเทศไทยมีการปิดฉลากโดยองค์กรของเอกชน นามาปรับใช้กับ
ประเทศไทย หากว่าประเทศไทยมีองค์กรเอกชนที่ให้การรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ในการ
กาหนดการติดฉลากของแว่นกันแดดโดยองค์กรเอกชนนั้น จะทาให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองมาก
ขึ้น
4. ผู้เขียนเห็นควรให้ผลิตภัณฑ์แว่นกันแดดมีการกาหนดให้มีมาตรฐานบังคับในการกาหนด
มาตรฐานอุตสาหกรรม โดยหน่วยงานที่ควบคุมตรวจสอบในการรับรองมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ คือ
สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
5. ผู้เขียนขอเสนอว่าสมควรให้ศูนย์เฝ้าระวังและพิสูจน์สินค้าที่ไม่ปลอดภัยที่มีหน้าที่ทาการ
ตรวจสอบ ทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าต่าง ๆ และเฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคจากสินค้า
ต่าง ๆ และให้สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทดสอบ เพื่อการกาหนดให้แว่นกันแดดมี
มาตรฐานการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีการกาหนดถึงหลักเกณฑ์การ
ทดสอบพิสูจน์มาตรฐานของผลิตภัณฑ์แว่นกันแดด
6. ผู้เขียนเห็นว่าประเทศไทยควรใช้ระบบการดาเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) กับความ
รับผิดในความเสียหายที่เกิดจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557