การพัฒนาตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน ตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ของภาคอุตสาหกรรมไทย
Publisher
Issued Date
2015
Issued Date (B.E.)
2558
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
387 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b190483
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
พนิดา ชลังสุทธิ์ (2015). การพัฒนาตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน ตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ของภาคอุตสาหกรรมไทย. Retrieved from: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/4453.
Title
การพัฒนาตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน ตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ของภาคอุตสาหกรรมไทย
Alternative Title(s)
Development of environmental and community involvement and development indicators according to corporate social responsibility standard in Thai industrial sector
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน ตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคอุตสาหกรรมไทย โดยศึกษาองค์ประกอบร่วมด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ และทดสอบความสอดคล้องของโมเดลการวัดของตัวชี้วัดที่สร้างขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน กลุ่มตัวอย่างคือ คณะทำงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในสถานประกอบการจำนวน 874 คน ของโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (CSR-DIW) ตั้งแต่ปี 2551-2557 สร้างกรอบแนวคิดโดยใช้แนวคิดการพัฒนาตัวชี้วัดตามรูปแบบของคณะกรรมาธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ส่วนตัวชี้วัดนั้น พัฒนามาจากองค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม และมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจด้านสิ่งแวดล้อมพบว่ามี 4 องค์ประกอบ ทั้งหมด 20 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1) การป้องกันมลพิษ มี 7 ตัวชี้วัด 2) การปกป้องฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ มี 5 ตัวชี้วัด 3) การบรรเทาและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมี 4 ตัวชี้วัดและ 4) การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนมี 4 ตัวชี้วัดส่วนด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ มีทั้งหมด 15 ตัวชี้วัดได้แก่ 1) การสร้างรายได้และการพัฒนาเทคโนโลยี มี 7 ตัวชี้วัด 2) การมีส่วนร่วมของชุมชนและการศึกษา มี 4 ตัวชี้วัดและ 3) การส่งเสริมสุขภาพและการจ้างงานมี 4 ตัวชี้วัดโดยองค์ประกอบที่สกัดได้ทั้งหมดสามารถอธิบายตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมได้ร้อยละ 65.748 และสามารถอธิบายตัวชี้วัดด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนได้ร้อยละ 67.326
ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สามของโมเดลความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลักด้านสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบหลัก ด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน พบว่า ค่าไคสแควร์เท่ากับ 945.239 ที่ชั้นองศาอิสระ 513 มี p-value เท่ากับ 0.000 ค่า XP2/df = 1.843, CFI = 0.957, TLI = 0.950, RMSEA = 0.047, SRMR = 0.072 ซึ่ง จากค่าทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า โมเดลความรับผิดชอบต่อสังคมมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยที่น้ำหนักองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อมมีค่า 0.896 ซึ่งมากกว่าองค์ประกอบด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนเล็กน้อยคือ 0.869 เมื่อพิจารณาแต่ละโมเดลพบว่าองค์ประกอบการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนในโมเดลสิ่งแวดล้อมมีน้ำหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.871 และองค์ประกอบการสร้างรายได้และการพัฒนาเทคโนโลยีในโมเดลการมีส่วนร่วมและพัฒนาชุมชนมีน้ำหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.985
ดังนั้น สถานประกอบการอุตสาหกรรมที่ดำเนินงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ควรให้ความสำคัญ เท่าๆ กัน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการพัฒนาชุมชน โดยด้านสิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นไปที่การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนทั้งในส่วนการใช้พลังงานภายในและภายนอกองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ การรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ใหม่ การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานการส่งเสริมผู้ส่งมอบและผู้จัดหาที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน ให้เกิดความตระหนักในด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินงาน และควรส่งเสริมการสร้างรายได้และการพัฒนาเทคโนโลยีในชุมชนใกล้เคียง เลือกการพัฒนาเทคโนโลยีต้นทุนต่ำและช่วยให้เกิดรายได้กับชุมชนโดยสนับสนุนการใช้ทรัพยากรในชุมชน เน้นโครงการที่ให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอื่น
ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจด้านสิ่งแวดล้อมพบว่ามี 4 องค์ประกอบ ทั้งหมด 20 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1) การป้องกันมลพิษ มี 7 ตัวชี้วัด 2) การปกป้องฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ มี 5 ตัวชี้วัด 3) การบรรเทาและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมี 4 ตัวชี้วัดและ 4) การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนมี 4 ตัวชี้วัดส่วนด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ มีทั้งหมด 15 ตัวชี้วัดได้แก่ 1) การสร้างรายได้และการพัฒนาเทคโนโลยี มี 7 ตัวชี้วัด 2) การมีส่วนร่วมของชุมชนและการศึกษา มี 4 ตัวชี้วัดและ 3) การส่งเสริมสุขภาพและการจ้างงานมี 4 ตัวชี้วัดโดยองค์ประกอบที่สกัดได้ทั้งหมดสามารถอธิบายตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมได้ร้อยละ 65.748 และสามารถอธิบายตัวชี้วัดด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนได้ร้อยละ 67.326
ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สามของโมเดลความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลักด้านสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบหลัก ด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน พบว่า ค่าไคสแควร์เท่ากับ 945.239 ที่ชั้นองศาอิสระ 513 มี p-value เท่ากับ 0.000 ค่า XP2/df = 1.843, CFI = 0.957, TLI = 0.950, RMSEA = 0.047, SRMR = 0.072 ซึ่ง จากค่าทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า โมเดลความรับผิดชอบต่อสังคมมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยที่น้ำหนักองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อมมีค่า 0.896 ซึ่งมากกว่าองค์ประกอบด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนเล็กน้อยคือ 0.869 เมื่อพิจารณาแต่ละโมเดลพบว่าองค์ประกอบการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนในโมเดลสิ่งแวดล้อมมีน้ำหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.871 และองค์ประกอบการสร้างรายได้และการพัฒนาเทคโนโลยีในโมเดลการมีส่วนร่วมและพัฒนาชุมชนมีน้ำหนักองค์ประกอบมากที่สุดคือ 0.985
ดังนั้น สถานประกอบการอุตสาหกรรมที่ดำเนินงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ควรให้ความสำคัญ เท่าๆ กัน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการพัฒนาชุมชน โดยด้านสิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นไปที่การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนทั้งในส่วนการใช้พลังงานภายในและภายนอกองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ การรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ใหม่ การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานการส่งเสริมผู้ส่งมอบและผู้จัดหาที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน ให้เกิดความตระหนักในด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินงาน และควรส่งเสริมการสร้างรายได้และการพัฒนาเทคโนโลยีในชุมชนใกล้เคียง เลือกการพัฒนาเทคโนโลยีต้นทุนต่ำและช่วยให้เกิดรายได้กับชุมชนโดยสนับสนุนการใช้ทรัพยากรในชุมชน เน้นโครงการที่ให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอื่น
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (ปร.ด. (พัฒนาสังคมและการจัดการสิ่งแวดล้อม))--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558