บทบาท อำนาจหน้าที่ และที่มาของวุฒิสภาที่เหมาะสมกับประเทศไทย
Publisher
Issued Date
2015
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
166 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b191861
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ศักดา ศรีทิพย์ (2015). บทบาท อำนาจหน้าที่ และที่มาของวุฒิสภาที่เหมาะสมกับประเทศไทย. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5793.
Title
บทบาท อำนาจหน้าที่ และที่มาของวุฒิสภาที่เหมาะสมกับประเทศไทย
Alternative Title(s)
The suitable roles, authorities, and establishment of the senate for Thailand
Author(s)
Editor(s)
Advisor(s)
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
ประเทศไทยมีวุฒิสภาเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2489 เรียกว่า “พฤฒสภา” มาจากการ เลือกตั้งโดยทางอ้อม โดยกําหนดให้วุฒิสภามีบทบาทในการยับยั้งร่างกฎหมาย เมื่อรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2489 ถูกยกเลิก รัฐธรรมนูญฉบับต่อมาจนถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พ.ศ.2534 ได้กําหนดบทบาทให้วุฒิสภาเป็นผู้ค้ําจุนอํานาจและเสถียรภาพให้แก่รัฐบาล สมาชิก วุฒิสภาจึงมาจากการแต่งตั้งโดยตลอด เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมวิทยาการเมืองในขณะนั้น เนื่องจากรัฐบาลไร้เสถียรภาพ การให้นายกรัฐมนตรีเสนอรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา เป็นการผ่อนคลาย ความตึงเครียดทางการเมือง ทําให้รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภาไม่ถูกโค้นล่มจากพรรคร่วม รัฐบาลได้โดยง่าย จนมีการปฎิรูประบบการเมืองและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ได้กําหนดให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรง โดยให้วุฒิสภามีบทบาทหลักเป็น “สภาตรวจสอบ” วุฒิสภาจึงเป็นองค์กรที่มีอํานาจมากในระบบรัฐสภาของไทย อย่างไรก็ตามในทาง ปฏิบัติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้จริง เพราะสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่มีฐานที่มาเดียวกันกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาจึงมาจากฐานคะแนนเสียงจากกลุ่มเดียวกันกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนเป็น สามี ภรรยา บุตร เครือญาติ กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จนถูกเรียกว่าเป็นสภาผัวเมีย สมาชิกวุฒิสภาจึงไม่ปลอดจากการเมือง ทําให้เกิดกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านขึ้นในวุฒิสภา ส่งผลให้กลไกการ ตรวจสอบของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญไม่อาจขับเคลื่อนไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นองค์กรอิสระตาม รัฐธรรมนูญต่างๆ ก็พลอยถูกแทรกแซงตามไปด้วย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ได้แก้ไขข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 โดยยังคงให้วุฒิสภามีบทบาทเป็น “สภาตรวจสอบ” อยู่แต่ได้ ปรับเปลี่ยนที่มาของสมาชิกวุฒิสภาเป็นแบบผสมโดยมาจากการเลือกตั้ง กับมาจากการสรรหาตัวแทน
ของกลุ่มผลประโยชน์ตามสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อให้โอกาสแก่ทุกภาคส่วนทุกสาขาอาชีพได้มีส่วนร่วม ในการทําหน้าที่ และได้แก่ไขคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้วุฒิสภาเป็นอิสระจากสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ไม่ให้มีความเกี่ยวข้องกับ พรรคการเมือง รวมถึงการเป็นเครือญาติกับนักการเมือง สมาชิกวุฒิสภามีที่มาจากการสรรหานั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สอดคล้องกับหลักการของระบบ ประชาธิปไตย การให้คณะบุคคลเพียง 7 คน สรรหาสมาชิกวุฒิสภา แต่ให้วุฒิสภามีอํานาจตรวจสอบ การทํางานของรัฐได้ จึงมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาจึงไม่ถือว่า เป็นผู้แทนของปวงชน ส่วนวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งโดยใช้จังหวัดเป็นเขตการเลือกตั้งนั้น ถูก วิพากษ์วิจารณ์ถึงสัดส่วนของประชากรต่อจํานวนวุฒิสภา วุฒิสภากลายเป็นผู้แทนของจังหวัดความ เป็นผู้แทนซ้ําซ้อนกับสภาผู้แทนราษฎร ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ) ยังคงหลักการไว้ เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 แต่ได้แก้ไขที่มาของวุฒิสภาที่มาจากการ สรรหาออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้มีความครอบคลุมกลุ่มสาขาอาชีพตต่างๆ เป็นสภาพหุนิยม วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ได้ศึกษาวิเคราะห์ถึงบทบาท อํานาจหน้าที่ และที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่ เหมาะสมกับประเทศไทย จากการศึกษาพบว่าวุฒิสภาของต่างประเทศ มีฐานความเป็นผู้แทนของชุมชนทางการเมือง ชัดเจน เช่น วุฒิสภาเป็นตัวแทนของชนชั้นสูง วุฒิสภาเป็นตัวแทนของกลุ่มอาชีพ วุฒิสภาเป็นตัวแทน ขององค์กรปกครองท่องถิ่น วุฒิสภาเป็นตัวแทนของมลรัฐ เป็นต้น เพื่อให้วุฒิสภาคอยถ่วงดุลอํานาจ และมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชุมชนทางการเมืองของตน โดยให้แต่ละชุมชนการเมืองเป็นคน คิดวิธีเลือกผู้แทนของตนเข้าไปในวุฒิสภา ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะให้กําหนดบทบาทของวุฒิสภาก่อน โดยให้วุฒิสภาเป็น “สภาคานและถ่วงดุลอํานาจสภาผู้แทนราษฎร” ที่มาของวุฒิสภานั้นต้องมี ลักษณะแตกต่างกับสภาผู้แทนราษฎร คือไม่มีฐานที่มาทางภูมิศาสตร์เพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นการ ซ้ําซ้อนกับสภาผู้แทนราษฎร จะทําให้ความจําเป็นที่ต้องมีวุฒิสภาลดลง วุฒิสภาควรมาจากความ หลากหลาย มาจากกลุ่มองค์กรทางสังคมและตัวแทนสาขาอาชีพต่างๆ ประกอบด้วย กลุ่ม ผลประโยชน์ทางพื้นที่ เช่น ตัวแทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด หรือกลุ่ม ผลประโยชน์ทางอาชีพ เช่น ตัวแทนของสภาเกษตรกร สภาหอการค้า สภาองค์กรลูกจ้าง ฯลฯ การ กําหนดให้วุฒิสภาประกอบด้วยตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เช่นนี้จะทําให้มีการกระจาย ผลประโยชน์ไปยังส่วนต่างๆ ไม่ทําให้อํานาจรวมศูนย์อยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงลําพัง และโดยเฉพาะ อย่างยิ่งการสร้างกลไกให้ตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ในทางพื้นที่เข้ามามีบทบาทในการคานอํานาจ กับ รัฐบาลส่วนกลางจะทําให้เกิดการประนีประนอมเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนในทางพื้นที่ และกล่ม ผลประโยชน์ต่างๆ ได้
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2558