กรณีศึกษา : ปัจจัยที่มีผลต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของวิสาหกิจ SMEs ขนาดกลางในกรุงเทพมหานคร
Publisher
Issued Date
2024
Issued Date (B.E.)
2567
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
103 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Other identifier(s)
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Citation
กิตติภูมิ รัตนบุญชัยพงศ์ (2024). กรณีศึกษา : ปัจจัยที่มีผลต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของวิสาหกิจ SMEs ขนาดกลางในกรุงเทพมหานคร. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/123456789/7097.
Title
กรณีศึกษา : ปัจจัยที่มีผลต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของวิสาหกิจ SMEs ขนาดกลางในกรุงเทพมหานคร
Alternative Title(s)
Case study: factors affecting cybersecurity of medium-sized SMEs in Bangkok
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคุณลักษณะของธุรกิจที่มีผลต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของวิสาหกิจขนาดกลาง (SMEs) ในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของวิสาหกิจขนาดกลาง (SMEs) ในกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อเสนอแนวทางในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับ วิสาหกิจขนาดกลาง (SMEs) ในกรุงเทพมหานครการวิจัยมุ่งตอบคำถามว่าองค์กรขนาดเล็กสามารถระบุและจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในความมั่นคงปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร
วิธีดำเนินการวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการทบทวนวรรณกรรม การวิเคราะห์เนื้อหาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหารในองค์กร เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือแบบสัมภาษณ์เชิงลึก ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์เชิงเนื้อหาเพื่อระบุประเด็นสำคัญ
ผลการวิจัยพบว่า ธุรกิจที่ต่างกันมีความแตกต่างกันในประเภทข้อมูลที่ต้องปกป้อง และระดับความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งส่งผลต่อมาตรการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่เหมาะสม ปัจจัยที่แตกต่างกันนี้มีผลโดยตรงต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในขณะที่องค์กรที่ขาดทรัพยากรและขาดการตระหนักรู้ อาจเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยีทุกอย่างมีช่องโหว่ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ หากไม่ได้รับการอัปเดต ความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอก็อาจถูกโจมตีได้ ด้วยการใช้งานของพนักงานหรือบุคลากรที่ทำผิดพลาดจากใช้รหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย หรือทำการเปิดเผยข้อมูลสำคัญโดยไม่ได้ตั้งใจ หากพนักงานไม่ได้รับการฝึกอบรมให้รู้เท่าทันภัยคุกคามเหล่านี้ อาจทำให้เกิดเหตุร้ายได้ง่ายขึ้น
ผลการศึกษานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแนวทางการบริหารความเสี่ยงด้านไซเบอร์สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กได้ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการวิจัย คือความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่งหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ควรขยายขอบเขตการศึกษาให้ครอบคลุมผู้ประกอบการที่หลากหลายมากขึ้น และติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
Table of contents
Description
การค้นคว้าอิสระ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2567