สถานะทางกฎหมายและมาตรการควบคุมเพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงของประเทศไทย
Publisher
Issued Date
2018
Issued Date (B.E.)
2561
Available Date
Copyright Date
Resource Type
Series
Edition
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
289 แผ่น
ISBN
ISSN
eISSN
Other identifier(s)
b203240
Identifier(s)
Access Rights
Access Status
Rights
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
Rights Holder(s)
Physical Location
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สำนักบรรณสารการพัฒนา
Bibliographic Citation
Citation
ชลิดา อุปัญญ์ (2018). สถานะทางกฎหมายและมาตรการควบคุมเพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงของประเทศไทย. Retrieved from: https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/6287.
Title
สถานะทางกฎหมายและมาตรการควบคุมเพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงของประเทศไทย
Alternative Title(s)
The legal status and measures to control for the use of cannabis plants in Thailand
Author(s)
Advisor(s)
Editor(s)
item.page.dc.contrubutor.advisor
Advisor's email
Contributor(s)
Contributor(s)
Abstract
การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและมาตรการทางกฎหมายของ
ประเทศไทยและของต่างประเทศในการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชา/กัญชง และสถานะทางกฎหมาย
ของกัญชา/กัญชงเพื่อเป็นช่องทางให้ใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงโดยนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้
วิเคราะห์เพื่อสร้างต้นแบบที่เหมาะสมกับสังคมไทย ตลอดจนการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่แล้วให้
สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงของประเทศไทย
วิธีการศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพ (Documentary Research) โดย การศึกษาทฤษฎีแนวคิดต่าง ๆ ตลอดจนงานวิจัยและกฎหมายยาเสพติดให้โทษและกฎหมายที่ เกี่ยวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานในการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชง
ผลการศึกษาพบว่ากัญชามีสถานะทางกฎหมายคือยาเสพติดซึ่งมีโทษตามพระราชบัญญัติยา เสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เช่นเดิม แต่หากเป็นกรณีที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขอันจำกัดตามกฎหมายที่ได้ กำหนดไว้ล่วงหน้า การใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงย่อมเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและ ผู้กระทำต้องไม่มีความรับผิดทางอาญา เช่น การใช้กัญชารักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อ วัตถุประสงค์ในทางการแพทย์เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่ครบองค์ประกอบของความผิดในส่วน ของการกระทำที่ไม่ใช่ความชั่วหรือมิได้เป็นการกระทำที่ตำหนิได้ หรือการกระทำดังกล่าวได้ถูก ลดทอนความผิด/โทษโดยกฎหมาย ตัวอย่างรูปแบบการใช้กัญชา/กัญชงของประเทศที่มีประสบการณ์ และเป็นรูปธรรมตลอดจนเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศไทย ได้แก่ 1. การใช้กัญชา/กัญชง ในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัย 2. การใช้เสพและครอบครองกัญชาโดยมีเงื่อนไข 3. การใช้ มาตรการทางปกครองมาใช้บังคับกับการใช้กัญชาในกรณีการเสพและครอบครองกัญชาส่วนบุคคล 4. การเสพและการครอบครองกัญชาของผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต
ข้อเสนอแนะในการศึกษา เห็นควรสร้างแนวทางในการจัดการเพื่อผลิตและใช้กัญชา/กัญชง ในประเทศไทยโดยจัดทำกฎหมายลำดับรองคือออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติ การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชง ดังนี้
1. กัญชา ควรใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ในทางการแพทย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์โดย นำหลักการลดทอนความเป็นอาชญากรรมและการใช้กัญชาในทางการแพทย์กรณีเป็นผู้ป่วยในระยะ
สุดท้ายของชีวิตที่มีความประสงค์จะใช้กัญชาเพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการของตนโดยจะต้องปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติของรัฐ
2. กัญชง/เฮมพ์ เห็นควรสร้างแนวทางในการจัดการเพื่อผลิตและใช้กัญชง/เฮมพ์ แยก ต่างหากจากกัญชาเนื่องจากมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอลน้อยกว่ากัญชาและมีศักยภาพที่ จะนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจด้วยการออกกฎกระทรวงการขออนุญาต ผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภท 5 เฉพาะกัญชง/เฮมพ์ โดยกำหนด สาระสำคัญของการขออนุญาตใช้ประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติของรัฐ
วิธีการศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพ (Documentary Research) โดย การศึกษาทฤษฎีแนวคิดต่าง ๆ ตลอดจนงานวิจัยและกฎหมายยาเสพติดให้โทษและกฎหมายที่ เกี่ยวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานในการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชง
ผลการศึกษาพบว่ากัญชามีสถานะทางกฎหมายคือยาเสพติดซึ่งมีโทษตามพระราชบัญญัติยา เสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เช่นเดิม แต่หากเป็นกรณีที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขอันจำกัดตามกฎหมายที่ได้ กำหนดไว้ล่วงหน้า การใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชงย่อมเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและ ผู้กระทำต้องไม่มีความรับผิดทางอาญา เช่น การใช้กัญชารักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อ วัตถุประสงค์ในทางการแพทย์เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่ครบองค์ประกอบของความผิดในส่วน ของการกระทำที่ไม่ใช่ความชั่วหรือมิได้เป็นการกระทำที่ตำหนิได้ หรือการกระทำดังกล่าวได้ถูก ลดทอนความผิด/โทษโดยกฎหมาย ตัวอย่างรูปแบบการใช้กัญชา/กัญชงของประเทศที่มีประสบการณ์ และเป็นรูปธรรมตลอดจนเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศไทย ได้แก่ 1. การใช้กัญชา/กัญชง ในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัย 2. การใช้เสพและครอบครองกัญชาโดยมีเงื่อนไข 3. การใช้ มาตรการทางปกครองมาใช้บังคับกับการใช้กัญชาในกรณีการเสพและครอบครองกัญชาส่วนบุคคล 4. การเสพและการครอบครองกัญชาของผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต
ข้อเสนอแนะในการศึกษา เห็นควรสร้างแนวทางในการจัดการเพื่อผลิตและใช้กัญชา/กัญชง ในประเทศไทยโดยจัดทำกฎหมายลำดับรองคือออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติ การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกัญชา/กัญชง ดังนี้
1. กัญชา ควรใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ในทางการแพทย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์โดย นำหลักการลดทอนความเป็นอาชญากรรมและการใช้กัญชาในทางการแพทย์กรณีเป็นผู้ป่วยในระยะ
สุดท้ายของชีวิตที่มีความประสงค์จะใช้กัญชาเพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการของตนโดยจะต้องปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติของรัฐ
2. กัญชง/เฮมพ์ เห็นควรสร้างแนวทางในการจัดการเพื่อผลิตและใช้กัญชง/เฮมพ์ แยก ต่างหากจากกัญชาเนื่องจากมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอลน้อยกว่ากัญชาและมีศักยภาพที่ จะนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจด้วยการออกกฎกระทรวงการขออนุญาต ผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภท 5 เฉพาะกัญชง/เฮมพ์ โดยกำหนด สาระสำคัญของการขออนุญาตใช้ประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติของรัฐ
Table of contents
Description
วิทยานิพนธ์ (น.ด.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2561